SET ผันผวน Fund Flow ยังไหลออกเลือกช้อน 6 หุ้นร้อนพื้นฐานดี-กำไรโต
นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทยวันนี้เคลื่อนไหวผันผวนในกรอบ ความกังวลว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือน ธ.ค. ยังกดดันให้ Fund Flow ต่างชาติไหลออก และเป็นปัจจัยหลักที่กดดันดัชนี ขณะที่เศรษฐกิจช่วงปลายปีมีแนวโน้มชะลอตัว การลงทุนเน้นหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว, พื้นฐานแข็งแกร่ง และมีการเติบโตของกำไรสูง
ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์ รายงานเช้านี้ณเวลา 9.28 น.ค่าเงินบาทอยู่ที่ 35.51 บาทต่อเหรียญขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียส่วนใหญ่ปรับตัวลง หลังเจ้าหน้าที่ระดับสูงของธนาคารกลางสหรัฐ (FED) ได้ออกมาส่งสัญญาณว่าอาจจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนหน้า
นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทยวันนี้เคลื่อนไหวผันผวนในกรอบ ความกังวลว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือน ธ.ค. ยังกดดันให้ Fund Flow ต่างชาติไหลออก และเป็นปัจจัยหลักที่กดดันดัชนี ขณะที่เศรษฐกิจช่วงปลายปีมีแนวโน้มชะลอตัว การลงทุนเน้นหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว, พื้นฐานแข็งแกร่ง และมีการเติบโตของกำไรสูง หุ้นเด่นเลือก BJC-KCE-GFPT-CPF-STA และ SMPC
บล.ธนชาต ระบุในบทวิเคราะห์ (21 พ.ย.) ว่า แม้ฝ่ายวิจัยคาดเงินทุนจากการซื้อกองทุน LTF ปลายปีจะเป็น “ตัวช่วย” SET แต่คาดว่า SET จะเคลื่อนไหว Sideways ในกรอบ 1,455 – 1,480 จุด เท่านั้น เนื่องจาก 1) กระแสเงินทุนมีแนวโน้มไหลเข้าสู่สินทรัพย์ในรูปเงินดอลลาร์ฯ ต่อเนื่อง ซึ่งเห็นได้จาก Bond Yield สหรัฐฯ ที่ปรับสูงขึ้น และค่าเงินดอลลาร์ฯ (Dollar Index) แข็งค่าขึ้น 2) เศรษฐกิจชะลอตัวในไตรมาส 4/16 เนื่องจากการบริโภค และการลงทุนในประเทศที่ชะลอตัวลง รวมไปถึงฐานที่สูงจากการใช้นโยบายภาษีกระตุ้นการบริโภคปลายปีก่อน และ 3) Trade Code แสดงสถานะ SET อยู่ที่ “รอฟื้นตัว” ขณะที่หุ้นที่มี Momentum “บวก” มีน้ำหนักลดลลงเหลือ 35-40% เท่านั้น
แนะนำกลุ่มหุ้นที่พื้นฐานแข็งแกร่ง การเติบโตกำไรสูง และถูกเพิ่มน้ำหนักในดัชนี MSCI มีแนวโน้ม Outperform ตลาดต่อเนื่อง แนะนำ “ซื้อ” BJC (คาดกำไรไตรมาส 4/16 แข็งแกร่ง 1.67 พันล้าน +146% จากช่วงเดียวกันในปีก่อน จาก Margin ที่ดีขึ้น, ดอกเบี้ยจ่ายลดลง, Growth เฉลี่ย 4 ปี สูงสุดในกลุ่มค้าปลีก) KCE (การขยายกำลังการผลิต และการประหยัดต่อขนาดของโรงงานหนุน Margin และกำไรเติบโตแกร่งต่อเนื่อง PEG ที่ 0.67 เท่า ยังไม่สูง)
บล.กรุงศรี ระบุในบทวิเคราะห์ (21 พ.ย.) คาด SET จะยังเคลื่อนไหวผันผวน ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่า ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลที่ปรับตัวขึ้น จากความกังวลว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือน ธ.ค.จะยังกดดันให้ Fund Flow ต่างชาติยังคงไหลออกและจะยังเป็นปัจจัยลบหลักที่กดดันดัชนีในวันนี้ อย่างไรก็ตาม ยังต้องติดตามการประกาศตัวเลข GDP ไตรมาส 3 ของไทยโดยตลาดส่วนใหญ่คาดว่าจะขยายตัว 3.1% หากตัวเลขออกมาดีกว่าที่ตลาดคาดอาจจะหนุนให้ดัชนีกลับมาเพิ่มขึ้นได้
นอกจากนี้ ยังคาดหวังเม็ดเงินใหม่จากกองทุน LTF และ RMF ที่ทยอยเปิดขาย IPO ในช่วง 1 – 2 สัปดาห์ที่ผ่านมาจะเข้ามาซื้อหุ้นและคอยพยุงดัชนีไม่ให้ปรับตัวลดลงแรง และจากการสำรวจกองทุนที่เปิดขายส่วนใหญ่มีนโยบายการลงทุนในหุ้นขนาดกลางถึงเล็ก และหุ้นที่มีการจ่ายปันผลสม่ำเสมอเป็นหลัก ดังนั้นกลยุทธ์การลงทุนจึงเป็นการเข้าซื้อหุ้นที่จะเป็นเป้าในการเข้าซื้อของบรรดาการกองทุนดังกล่าว อาทิ กลุ่มหุ้นปันผล (INTUCH SCB HANA KGI ASK TMT PAP) Mid – Small Cap ที่ผลประกอบการเติบโตดี (TKN TACC KAMART ASEFA SMPC)
กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ : Selective Buy
หุ้นเก็งกำไรระยะสั้น : STA (ซื้อ/เป้า 17.00 บาท) ราคายางยังเพิ่มขึ้นทำ New high ในรอบปี, SMPC (ซื้อ/เป้าสูงสุด Consensus 17.00 บาท) ราคาลดลงแรงแต่พื้นฐานยังดี
บล.แอพเพิลเวลธ์ ระบุในบทวิเคราะห์ (21 พ.ย.) ว่า ภาพรวมของการลงทุนยังเป็นการปรับพอร์ตเพื่อรับโอกาสการปรับขึ้นดอกเบี้ยของเฟดในเดือนหน้า ส่วนวันนี้ติดตาม สศค. จะรายงาน GDP ไทย ไตรมาส 3/59 ซึ่ง Consensus คาดขยายตัว 3.4 % จากไตรมาสก่อน กลยุทธ์การลงทุน ประเมิน SET แนวรับที่ระดับ 1,450 – 1,460 จุด แนวต้านที่ 1,490 จุด แนะนำเทรดดิ้งระยะสั้นตามกรอบการลงทุน ระยะสั้นแนะนำซื้อ GFPT, CPF คาดได้รับปัจจัยบวกจากการอนุมัตินำเข้าไก่สดแช่แข็งของเกาหลีใต้