ช้อน 15 หุ้นร้อน พลังงานพยุงตลาด SET ไซด์เวย์อัพ
นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทยวันนี้ผันผวนในทิศทางขึ้น กลุ่มพลังงานซึ่งได้ผลบวกจากการเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมันดิบและแนวโน้มเชิงบวกของการหารือของกลุ่มโอเปคจะเป็นตัวพยุงตลาด การลงทุนเน้นกลุ่มที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว, ผลประกอบการปลายปีดี และมีแนวโน้ม Outperform ตลาด
ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์ รายงานเช้านี้ณเวลา 9.22 น.ค่าเงินบาทอยู่ที่ 35.44 บาทต่อเหรียญ ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยได้รับแรงหนุนจากตลาดหุ้นนิวยอร์กที่ปิดบวกเมื่อคืน หลังราคาน้ำมันดิบพุ่งขึ้นเกือบ 4% ส่วนตลาดหุ้นโตเกียวเปิดปรับตัวลง เนื่องจากความตื่นตระหนกจากเหตุแผ่นดินไหวรุนแรง 7.3 แมกนิจูดทางตะวันออกเฉียงเหนือของญี่ปุ่นเช้าวันนี้
นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทยวันนี้ผันผวนในทิศทางขึ้น กลุ่มพลังงานซึ่งได้ผลบวกจากการเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมันดิบและแนวโน้มเชิงบวกของการหารือของกลุ่มโอเปคจะเป็นตัวพยุงตลาด การลงทุนเน้นกลุ่มที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว, ผลประกอบการปลายปีดี และมีแนวโน้ม Outperform ตลาด
หุ้นเด่นเลือกเช่น KCE-BJC-MALEE-ROBINS-HMPRO-BEAUTY-COM7-KTC-CPF-CPALL-GLOBAL-TNP-PTT-PTTGC แล้ว BCP
บล.ธนชาต ระบุในบทวิเคราะห์ (22 พ.ย.) ว่า SET มีแนวโน้มปรับสูงขึ้นทดสอบแนวต้านเส้นค่าเฉลี่ย 1-3 เดือน บริเวณ 1,486 จุด วันนี้ ด้วยปัจจัยสนับสนุนจาก 1) ราคาน้ำมันดิบ Brent ปรับสูงขึ้น 4.4% เมื่อคืนนี้ คาด OPEC ประสบความสำเร็จในการควบคุมปริมาณการผลิตน้ำมัน หนุนกลุ่มพลังงาน อย่าง PTT PTTEP PTTGC 2) รัฐบาลเตรียมออกมาตรการกระตุ้นการบริโภค โดยการลดหย่อนภาษีในการซื้อสินค้า และท่องเที่ยวปลายปี 15,000 บาทปลายปีนี้ เป็นปัจจัยบวกต่อหุ้นกลุ่มค้าปลีก, บัตรเครดิต และโรงแรมอย่าง BJC CPN GLOBAL HMPRO ROBINS BEAUTY COM7 SPA KTC MINT
แนะนำ “Selective” หุ้น 3 กลุ่มที่คาดว่าจะ Outperform ตลาดช่วงนี้
1) MSCI เพิ่มน้ำหนักลงทุน: “ซื้อ” KCE BJC และ “เก็งกำไร” MALEE (Consensus ปรับประมาณการกำไร และเป้าหมายพื้นฐานขึ้นต่อเนื่อง)
2) ผลดีจากมาตรการกระตุ้นการบริโภคปลายปี (รอ ครม.อนุมัติ): ROBINS (Laggard กลุ่มค้าปลีก) HMPRO BEAUTY COM7 KTC
3) น้ำมัน (คาดน้ำมันขึ้นก่อน OPEC วันที่ 30 พ.ย.): PTT PTTGC
บล.กรุงศรี ระบุในบทวิเคราะห์ (22 พ.ย.) คาด SET ยังเคลื่อนไหวผันผวนในทิศทางขึ้น โดยมีกลุ่มพลังงานซึ่งได้ผลบวกจากการเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมันดิบเป็นตัวพยุงตลาด ขณะที่ Bond yield 10 ปีของสหรัฐเริ่มลดลงและค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าน่าจะช่วยชะลอแรงขายของนักลงทุนต่างชาติ ส่วนกองทุนในประเทศคาดว่าจะยังเข้าซื้อต่อเนื่องหลังจากได้เม็ดเงินใหม่จากกองทุน LTF และ RMF รวมไปถึงการเปิดขาย IPO ของกองทุนต่างๆ ปัจจัยเหล่านี้น่าจะทำให้หุ้น Big Cap ที่ลดลงแรงในช่วงก่อนหน้ามีโอกาสกลับมาฟื้นตัว อาทิ SCC AOT ADVANC ส่วนหุ้นขนาดกลางถึงเล็กคาดว่าจะมีแรงเก็งกำไรเหมือนเดิมโดยเฉพาะกลุ่มที่แนวโน้มผลประกอบการยังเติบโตดี (TKN TACC KAMART ASEFA SMPC) นอกจากนี้ระหว่างวันยังต้องติดตามการประชุม ครม.ซึ่งคาดว่าจะมีการอนุมัติมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงปลายปี โดยมีโครงการที่รอการอนุมัติ 4 โครงการซึ่งจะเป็นบวกกับหุ้นที่เกี่ยวข้องโดยตรง
กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ : Selective Buy
หุ้นเก็งกำไรระยะสั้น : CPF (ซื้อ/เป้า 42.00 บาท) กังวลการเข้าซื้อกิจการ Bellisio มากเกิน
บล.แอพเพิลเวลธ์ ระบุในบทวิเคราะห์ (22 พ.ย.) ว่า วานนี้สภาพัฒน์รายงาน GDP ไตรมาส 3/59 เติบโตที่ระดับ 3.2% จากช่วงเดียวกันในปีก่อนต่ำกว่า Consensus ที่คาดจะขยายตัว 3.4 % ส่วนแนวโน้ม GDP ไตรมาส 4 ปีนี้ยังมีทิศทางชะลอตัว เนื่องจากฐานปีก่อนอยู่ในระดับสูงและผลกระทบจากการปราบทัวร์ศูนย์เหรียญ
ทิศทางตลาดวันนี้คาดได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มพลังงานจากแนวโน้มเชิงบวกของการหารือของกลุ่มโอเปค กลยุทธ์การลงทุน หากดัชนี SET กลับมายืนได้บริเวณ 1,480 จุด ทิศทางดัชนีมีโอกาส Sideway Up ขี้นทดสอบแนวต้าน 1,490 – 1,500 จุด เนื่องจากคาดแรงขายจากปรับพอร์ตของนักลงทุนต่างชาติน่าจะเริ่มชะลอลง แนะนำเก็งกำไรกลุ่มพลังงาน ปิโตรเคมี เช่น PTTGC, BCP และกลุ่มค้าปลีก CPALL, GLOBAL, TNP (+ มาตรการกระตุ้นการใช้จ่ายช่วงปลายปี )