เคาะ 13 บจ.เด็ด หุ้นค้าปลีกนำขบวนSET ซื้อขายเบาบาง ระวังแรงขายทำกำไร
นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทยวันนี้มีโอกาสปรับขึ้นตามทิศทางตลาดต่างประเทศ โดยมีแนวต้านบริเวณ 1,490 - 1,500 จุด อย่างไรก็ตามการที่ดัชนีที่ปรับตัวขึ้น 2 วันที่ผ่านมา ด้วยมูลค่าการซื้อขายค่อนข้างเบาบางทำให้ระหว่างวันมีโอกาสถูกขายทำกำไร นักลงทุนจึงควรเพิ่มความระมัดระวังในการลงทุนมากขึ้น หรืออาจรอเข้าซื้อเมื่อดัชนีอ่อนตัว การลงทุนเน้นกลุ่มที่ได้รับผลดีจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจช่วงท้ายปี และกลุ่มที่แนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 4/59 ดีเป็นหลัก
ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์ รายงานเช้านี้ณเวลา 9.20 น. ค่าเงินบาทอยู่ที่ 35.48 บาทต่อเหรียญ ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวเพิ่มขึ้นตามทิศทางของตลาดหุ้นนิวยอร์ก โดยดาวโจนส์ทำสถิติปิดที่เหนือระดับ 19,000 จุดเป็นครั้งแรก ขณะที่ดัชนี S&P500 และ NASDAQ ปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ เนื่องจากนักลงทุนเชื่อว่าเศรษฐกิจสหรัฐมีความแข็งแกร่งพอที่จะปรับตัวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่อาจจะเกิดขึ้นในเดือนหน้า
นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทยวันนี้มีโอกาสปรับขึ้นตามทิศทางตลาดต่างประเทศ โดยมีแนวต้านบริเวณ 1,490 – 1,500 จุด อย่างไรก็ตามการที่ดัชนีที่ปรับตัวขึ้น 2 วันที่ผ่านมา ด้วยมูลค่าการซื้อขายค่อนข้างเบาบางทำให้ระหว่างวันมีโอกาสถูกขายทำกำไร นักลงทุนจึงควรเพิ่มความระมัดระวังในการลงทุนมากขึ้น หรืออาจรอเข้าซื้อเมื่อดัชนีอ่อนตัว การลงทุนเน้นกลุ่มที่ได้รับผลดีจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจช่วงท้ายปี และกลุ่มที่แนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 4/59 ดีเป็นหลัก
หุ้นเด่นเลือก ROBINS-BJC-CPALL-HMPRO-GLOBAL-BEAUTY-AOT-AAV-SPA-BDMS-ERW-PTT และ PTTGC
บล.แอพเพิลเวลธ์ ระบุในบทวิเคราะห์ (23 พ.ย.) ว่า ภาพรวมตลาดหุ้นไทยวานนี้ได้รับแรงหนุนจากหุ้นในกลุ่มพลังงาน ประกอบกับช่วงบ่าย ครม. ได้อนุมัติแผนกระตุ้นเศรษฐกิจ เช่น เงินช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย, มาตรการกระตุ้นการใช้จ่ายและท่องเที่ยว รวมถึง มาตรการยกเว้นค่าธรรมเนียมวีซ่า และให้ผู้สูงอายุพักได้นานเพื่อหนุนธุรกิจ Medical & Wellness
กลยุทธ์การลงทุน ประเมินดัชนี SET น่าจะยังสามารถฟื้นตัวได้อย่างช้า โดยมีแนวต้านบริเวณ 1,490 – 1,500 จุด จากแรงหนุนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงท้ายปี และยังรอผลการประชุมโอเปกในสัปดาห์หน้า ระยะสั้นแนะนำซื้อเก็งกำไร กลุ่มค้าปลีก GLOBAL, ROBINS, HMPRO / กลุ่มท่องเที่ยว ERW, AAV / กลุ่มโรงพยาบาล เช่น BDMS
บล.ธนชาต ระบุในบทวิเคราะห์ (23 พ.ย.) SET มีโอกาสปรับสูงขึ้นทะลุแนวต้าน 1,486 จุด วันนี้ และจะมีเป้าหมายถัดไปที่ 1,510 +/- จุด ด้วยปัจจัยสนับสนุนจาก 1) ราคาน้ำมันปรับสูงขึ้นต่อเนื่องก่อนการประชุม OPEC วันที่ 30 พ.ย.นี้ เป็นปัจจัยบวกต่อหุ้นกลุ่มพลังงาน อย่าง PTT (มีประเด็นนำ PTTOR เข้าตลาดในช่วง 12-15 เดือนข้างหน้า) และ PTTGC (เป็น Laggard Plays ในกลุ่ม) และ 2) ครม.เห็นชอบมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ 4 มาตรการ ไม่ว่าจะเป็นการช่วยเหลือผู้มีรายได้ต่ำกว่า 1 แสนบาท/ปี, Soft loan ให้กับ SMEs, ลดค่าธรรมเนียม Visa และขยายเวลาอาศัยในประเทศไทยสำหรับผู้สูงอายุ และ เพิ่มค่าแรงขั้นต่ำ ขณะที่คาดว่าจะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจออกมาต่อเนื่องในช่วง 1-2 สัปดาห์ข้างหน้า เป็นปัจจัยบวกต่อกลุ่มค้าปลีก ท่องเที่ยว และ BDMS
แนะนำ “Selective” กลุ่มหุ้นที่ได้รับผลดีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ
1) มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ : ROBINS BJC CPALL GLOBAL BEAUTY AOT SPA BDMS (ทะลุ 23 มีแนวต้านถัดไปที่ 23.5 บาท)
2) น้ำมัน (คาดน้ำมันขึ้นก่อน OPEC วันที่ 30 พ.ย.): PTT PTTGC
บล.กรุงศรี ระบุในบทวิเคราะห์ (23 พ.ย.)คาด SET Index เคลื่อนไหวผันผวนในกรอบ 1,480 – 1,495 จุด ตลาดจะได้โมเมนตัมเชิงบวกต่อเนื่องจากเมื่อวานทำให้ดัชนีในช่วงเปิดการซื้อขายยังมีโอกาสปรับตัวขึ้นต่อ อย่างไรก็ตาม ด้วยดัชนีที่ปรับตัวขึ้นในช่วง 2 วันที่ผ่านมา ซึ่งมีมูลค่าการซื้อขายค่อนข้างเบาบางทำให้การปรับตัวขึ้นยังมีความอ่อนไหวและมีโอกาสที่จะถูกขายทำกำไรกดดันให้ดัชนีปรับตัวลง ดังนั้นนักลงทุนจะต้องเพิ่มความระมัดระวังในการลงทุนมากขึ้น หรืออาจจะรอเข้าซื้อเมื่อดัชนีอ่อนตัว
โดยเลือกหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว อาทิ 1) กลุ่มถ่านหินราคาถ่านหินกลับมาเพิ่มขึ้นจากที่ลดลงต่อเนื่องในสัปดาห์ที่ผ่านมา 2) กลุ่มที่ได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ ซึ่งมี 3 กลุ่มคือ กลุ่มค้าปลีก (CPALL HMPRO GLOBAL MC) กลุ่มโรงพยาบาล (BDMS BH BCH) และกลุ่มท่องเที่ยว (AOT ERW MINT THAI AAV BA) และสุดท้ายกลุ่มที่จะเข้า MSCI รอบใหม่ซึ่งทิศทางผลประกอบการยังดี คือ (MALEE KCE)
กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ : Selective buy
หุ้นเก็งกำไรระยะสั้น : AAV (ซื้อ/เป้า 9.00 บาท) รับผลบวกภาครัฐลดค่าธรรมเนียม VISA และ VOA กับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติโดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจีน