SET ทรงตัว ขาดปัจจัยใหม่ชี้นำเคาะ 11 หุ้นเน้นเล่นสั้น-เก็งกำไร
นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทยวันนี้ทรงตัวในกรอบเนื่องจากขาดปัจจัยใหม่ชี้นำทิศทางดัชนี การลงทุนจึงเน้นเล่นสั้น เก็งกำไรหุ้นรายตัวที่มีประเด็นบวก
ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์ รายงานเช้านี้ ณ เวลา 9.15 น.ค่าเงินบาทอยู่ที่ 35.66 บาทต่อเหรียญ ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวขึ้น นำโดยตลาดหุ้นญี่ปุ่นที่เปิดตลาดดีดตัวขึ้น หลังเงินเยนอ่อนค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ช่วยหนุนหุ้นกลุ่มส่งออกดีดตัวขึ้นด้วย
นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทยวันนี้ทรงตัวในกรอบเนื่องจากขาดปัจจัยใหม่ชี้นำทิศทางดัชนี การลงทุนจึงเน้นเล่นสั้น เก็งกำไรหุ้นรายตัวที่มีประเด็นบวก หุ้นเด่นเลือก ROBINS-BJC-GLOBAL-CPALL-BEAUTY-CK-SEAFCO-STEC-IRPC-ASEFA และ BIG
บล.ธนชาตระบุในบทวิเคราะห์ (25 พ.ย.)ว่า SET มีแนวโน้มเคลื่อนไหว Sideways วันนี้ในกรอบ 1,482-1,496 จุด ขณะที่ระยะสัปดาห์ยังลุ้นปรับสูงขึ้นไปที่ 1,510 +/- จุดเหมือนเดิม จาก 1) แรงซื้อกองทุนประหยัดภาษี LTF (เราแนะนำ “ซื้อ” T-Low Beta LTFD ที่ให้ผลตอบแทนดีกว่า SET อย่างสม่ำเสมอในช่วงหลายปีที่ผ่านมา – ดูเพิ่มในรายงาน Pathumwan Corner วันที่ 7 พ.ย.) ปลายปี 2-3 หมื่นล้านบาท 2) คาดรัฐบาลออกมาตรการกระตุ้นการบริโภคเพิ่มเติมสัปดาห์หน้า เป็นปัจจัยสนับสนุนกลุ่มค้าปลีก และ 3) MSCI เพิ่มน้ำหนักลงทุนหุ้นขนาดใหญ่อย่าง BJC และ KCE สนับสนุน Sentiment ตลาดโดยรวม
แนะนำ “ซื้อ” 1) กลุ่มหุ้นที่คาดว่าจะได้รับผลดีจากมาตรการกระตุ้นการบริโภคเพิ่มเติมภายในสิ้นปีนี้ (ROBINS, BJC – MSCI เพิ่มน้ำหนักลงทุน, GLOBAL, CPALL, BEAUTY) รวมไปถึงหุ้นกลุ่มรับเหมาฯ (CK, SEAFCO, STEC) ก่อนเปิดประมูลรถไฟรางคู่ 5 เส้นทาง และรถไฟฟ้า 3 เส้นทางในช่วง 4 เดือนข้างหน้า รวมถึงกลุ่มโรงกลั่น+ปิโตรฯ ที่ราคาหุ้น Laggard กลุ่ม (IRPC – รับรู้ผลการ upgrade โรงกลั่นเต็มไตรมาส 4/16 และค่าการกลั่นสูง US$7-8/bbl PE 8 เท่า และปันผล 5.4%)
บล.กรุงศรี ระบุในบทวิเคราะห์ (25 พ.ย.) คาด SET เคลื่อนไหว Side way ในกรอบ 1,480-1,495 จุด เนื่องจากตลาดยังขาดปัจจัยบวกใหม่ที่จะเข้ามากระตุ้นตลาด ประกอบกับนักลงทุนยังกังวลต่อการไหลออกของ Fund Flow ต่างชาติหลังจากที่ Bond yield 10 ปีของสหรัฐเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 2.4% ทำสถิติสูงที่สุดของปีนี้ หุ้นในกลุ่มธุรกิจน้ำมันและโรงกลั่นคาดว่าจะเคลื่อนไหว Side way ในทิศทางเดียวกับตลาดเนื่องจากนักลงทุนจะชะลอการลงทุนเพื่อรอดูผลการประชุมของกลุ่ม OPEC ในสัปดาห์หน้า (30 พ.ย.16)
ดังนั้นการลงทุนในวันนี้จึงเป็นการเล่นเก็งกำไรเป็นรายตัวซึ่งมีปัจจัยบวกเฉพาะตัวเป็นหลัก อาทิ หุ้นที่จะเข้าคำนวณในดัชนี MSCI รอบใหม่ (BJC KCE TKN COM7) กลุ่มที่ได้ประโยชน์จากค่าเงินบาทอ่อนค่า เช่น กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ (KCE HANA) กลุ่มอาหาร (CPF GFPT) กลุ่มค้าปลีกที่คาดว่าจะได้ผลบวกจากการเพิ่มช่วงเวลาของมาตรการช็อปปิ้งส์ช่วยชาติ (ROBINS BIG JMART) และทยอยสะสมกลุ่ม รับเหมา (CK STEC) สัปดาห์หน้ามีประชุมรถไฟไทย-จีน รวมถึงในช่วงต้นเดือน ธ.ค.จะมีการเปิดซองรถไฟฟ้าสายสีเหลืองและชมพู (BEM BTS)
กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ : Selective buy
หุ้นเก็งกำไรระยะสั้น : ASEFA (ซื้อ/เป้า 9.30 บาท) ได้งานใหม่ 3 โครงการหนุน Backlog เพิ่มขึ้นทำ Newhigh, BIG (ซื้อ เป้า 5.80 บาท) รับผลบวกมาตรการช็อปปิ้งช่วยชาติ และสัปดาห์หน้าจัดงานโฟโต้แฟร์ (30 พ.ย.-4 ธ.ค.16)
บล.แอพเพิลเวลธ์ ระบุในบทวิเคราะห์ (25 พ.ย.) ว่า แรงขายในตลาด TIP สัปดาห์นี้เริ่มลดง ประกอบกับรัฐบาลเริ่มออกมาตรการกระตุ้นการใช้จ่าย, การท่องเที่ยวซึ่งคาดจะช่วยกระตุ้นการบริโภคในช่วงท้ายปีได้ กลยุทธ์การลงทุน ประเมินทิศทางดัชนีวันนี้ยังเคลื่อนไหวแคบๆ เพราะขาดปัจจัย กลยุทธ์การลงทุน แนะนำ เก็งกำไรรายตัว โดยมีแนวรับที่ 1,485-1,490 จุด และ แนวต้านที่ 1,500-1,505 จุด