SET ไซด์เวย์อัพ จัดทัพ 16 หุ้นร้อนฟอร์มโต
นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทยวันนี้เคลื่อนไหวผันผวนแต่มีโอกาสปรับขึ้นหลังแรงขายของนักลงทุนต่างชาติเบาลง ขณะที่ยังมีแรงหนุนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ หุ้นขนาดกลางและเล็กยังเป็นกลุ่มที่น่าสนใจจากปัจจัยบวกเฉพาะตัว อย่างไรก็ตาม ราคาหุ้นบางตัวได้ปรับขึ้นรับข่าวไปบางส่วนแล้ว การซื้อเก็งกำไรวันนี้อาจต้องระมัดระวังมากขึ้นเนื่องจากอาจมีแรงกดดันจาก Sell on fact
ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์ รายงานเช้านี้ ณ เวลา 9.26 น. ค่าเงินบาทอยู่ที่ 35.53 บาทต่อเหรียญ ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียส่วนใหญ่ปรับตัวลง โดยได้รับปัจจัยถ่วงจากตลาดหุ้นนิวยอร์กที่ปิดลบเมื่อคืน เนื่องจากนักลงทุนเทขายทำกำไรหลังจากดัชนีหลักทั้ง 3 ดัชนีทะยานขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในช่วงก่อนหน้านี้
นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทยวันนี้เคลื่อนไหวผันผวนแต่มีโอกาสปรับขึ้นหลังแรงขายของนักลงทุนต่างชาติเบาลง ขณะที่ยังมีแรงหนุนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ หุ้นขนาดกลางและเล็กยังเป็นกลุ่มที่น่าสนใจจากปัจจัยบวกเฉพาะตัว อย่างไรก็ตาม ราคาหุ้นบางตัวได้ปรับขึ้นรับข่าวไปบางส่วนแล้ว การซื้อเก็งกำไรวันนี้อาจต้องระมัดระวังมากขึ้นเนื่องจากอาจมีแรงกดดันจาก Sell on fact
หุ้นเด่นเลือก SCB-BEAUTY-GLOBAL-M-HMPRO-KTC-MINT-ERW-CENTEL-BJC-COM7-KCE-CK-MEGA-BLA และ BEM
นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทิสโก้ เปิดเผยถึงตลาดหุ้นไทยเช้านี้ (29 พ.ย.) แกว่ง Sideway ถึง Sideway up เนื่องจากแรงขายของนักลงทุนต่างชาติแผ่วลง และเงินบาทก็แข็งค่าขึ้นหนุนให้มีการซื้อคืนของนักลงทุนต่างชาติได้ โดยเริ่มเห็นสัญญาณในตลาดล่วงหน้าได้มีการปิด long ในยอดสะสมของเดือนพ.ย.ถึง 8,500 สัญญา ทั้งนี้ ตลาดฯคงจะให้น้ำหนักกับปัจจัยในประเทศที่เป็นบวกมากขึ้น โดยวันนี้คณะรัฐมนตรี (ครม.) จะมีการพิจารณามาตรการช้อปช่วยชาติ และเช้านี้มีการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) วาระพิเศษที่จะต้องติดตามดูด้วย
ด้านตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่จะติดลบเล็กน้อย ภายหลังจากที่ดาวโจนส์ปรับตัวลง และตลาดในยุโรปก็ติดลบด้วย ซึ่งตลาดในยุโรปติดลบอันเนื่องมรจากความกังวลการลงประชามติการแก้ไขรัฐธรรมนูญของอิตาลี ซึ่งถ้าไม่ผ่านนายกรัฐมนตรีของอิตาลีก็อาจจะลาออกไป ทำให้วิตกจะกระทบภาคการเงิน อย่างไรก็ดี ราคาน้ำมันก็ปรับตัวขึ้นเมื่อคืนที่ผ่านมา พร้อมให้แนวรับ 1,498-1,495 จุด ส่วนแนวต้าน 1,510 จุด
บล.ธนชาต ระบุในบทวิเคราะห์ (29 พ.ย.) มีมุมมองต่อ SET ไม่ต่างกับวานนี้มากนัก โดยคาดว่า SET จะปรับสูงขึ้นทดสอบ 1,510 +/- จุด สัปดาห์นี้ ด้วยปัจจัยสนับสนุนจาก 1) ครม.วันนี้พิจารณามาตรการลดหย่อนภาษี 1.5-3.0 หมื่นบาท กระตุ้นการบริโภค 2) แรงซื้อกองทุนประหยัดภาษี LTF ปลายปี ซึ่งปกติจะกระจุกตัวในเดือน ธ.ค. 70-80% 3) MSCI เพิ่มน้ำหนักลงทุนหุ้นขนาดใหญ่อย่าง BJC KCE (เข้า MSCI Thailand) และ MALEE TKN COM7 TFG (เข้า MSCI Global Small) วันที่ 30 พ.ย.นี้ หนุน Sentiment ตลาดโดยรวม
ยังแนะนำ “Selective” 1) กลุ่มหุ้นที่ได้รับผลดีจากมาตรการกระตุ้นบริโภค : BEAUTY GLOBAL M HMPRO KTC (แนวต้าน 150/156.5) MINT ERW CENTEL และ 2) MSCI เพิ่มน้ำหนักลงทุน : BJC COM7 (ได้รับผลดีจากมาตรการกระตุ้นบริโภคเช่นกัน) KCE
นอกจากนี้แนะนำ “ซื้อ” กลุ่มรับหมาฯ CK คาดเปิดประมูลรถไฟรางคู่ 5 เส้นทาง และเปิดซองรถไฟฟ้าสายสีเหลือง-ชมพู-เหลือง ภายใน 1Q17 ขณะที่ราคาหุ้นปัจจจุบันสะท้อน NAV บริษัทลูกที่ 30 บาท/หุ้น เท่านั้น
บล.กรุงศรี ระบุในบทวิเคราะห์ (29 พ.ย.) คาด SET เคลื่อนไหวผันผวนแต่มีโอกาสปรับขึ้น จาก 1) Sentiment การลงทุนในหุ้นกลุ่มพลังงานน่าจะกลับมาเป็นบวกหลังจากราคาน้ำมันดิบกลับมาฟื้นตัว 2) ความกังวลต่อการไหลออกของ Fund Flow ต่างชาติลดลง หลังเห็นสัญญาณซื้อในตลาดหุ้นไทยเป็นครั้งแรกในรอบ 1 เดือน และยังซื้อต่อเนื่องในตลาด TFEX และ พันธบัตร ขณะที่ค่าเงินบาทมีทิศทางที่แข็งค่า ส่งผลให้หุ้นในกลุ่มธนาคารและสื่อสารอาจจะมีแรงซื้อกระตุ้นให้ราคาหุ้นปรับตัวสูงขึ้น
ส่วนหุ้นในกลุ่มขนาดกลางถึงเล็กจะยังมีแรงเก็งกำไรในกลุ่มที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัวคล้ายกับวันวานที่ผ่านมา คือ 1) กลุ่มที่เข้าคำนวณในดัชนี MSCI รอบใหม่ (KCE TKN MALEE) 2) กลุ่มค้าปลีก (ROBINS GLOBAL MC BIG JMART และ COM7) ได้ผลบวกจากมาตรการช็อปปิ้งช่วยชาติ (เข้าที่ประชุมครม.วันนี้) อย่างไรก็ตาม เนื่องจากราคาหุ้นบางตัวได้ปรับตัวขึ้นสะท้อนต่อข่าวนี้ไปแล้ว ดังนั้นการซื้อเก็งกำไรในวันนี้อาจจะต้องระมัดระวังมากขึ้นเพราะอาจจะมีแรงกดดันจาก Sell on fact
และสุดท้าย กลุ่มรับเหมา (CK STEC BEM BTS) ได้ประโยชน์จากการลงทุนในโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐที่จะมีความคืบหน้ามากขึ้น อาทิ 30 พ.ย.16 ประชุมรถไฟไทย-จีน, 13 ธ.ค.16 ขายซองรถไฟทางคู่ 5 เส้นทาง และ ช่วงกลางเดือน ธ.ค.เปิดผลประมูลรถไฟฟ้าสายสีเหลืองและชมพู
กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ : Selective buy
หุ้นเก็งกำไรระยะสั้น : BEM (ซื้อ เป้า 9.00 บาท) มีปัจจัยบวกระยะสั้นรออยู่คือ 1) การเจรจาเดินรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยายน่ารวมถึงการเดินรถ 1 สถานี (เตาปูน-บางซื่อ) คาดว่าจะสำเร็จในเดือน ธ.ค. และ 2) มีโอกาสชนะประมูลโครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลืองหรือชมพูอย่างน้อย 1 เส้นทางในช่วงกลางเดือนธ.ค.
บล.กสิกรไทย ระบุในบทวิเคราะห์ (29 พ.ย.) ว่า SET มีโอกาสปรับเพิ่มขึ้นตามการเก็งกำไรผลการประชุม ครม. คาดว่า SET Index จะไปทดสอบ 1,508 จุด กลยุทธ์การลงทุน ยังคงเลือก MEGA KCE BJC BLA เป็นชุดหุ้นเด่น นอกนั้นยังให้เก็บ CK รับความคืบหน้างานประมูลรถไฟฟ้า และสามารถสะสมกลุ่มธนาคารฯที่ Valuation ต่ำจนน่าสนใจเลือก SCB เป็น Top Pick