SET บ่ายแกว่งตัว โบรกฯชู 4 หุ้นเด่น กลุ่มรับเหมา
SET บ่ายแกว่งตัว พร้อมให้แนวต้าน 1,500-1,505 ส่วนแนวรับ 1,490 จุด โบรกฯชู 4 หุ้นเด่น กลุ่มรับเหมา นำโดย CK, SEAFCO, PYLON และ STEC
ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์รายงานตลาดหุ้นไทยดัชนี SET ภาคเช้า (30 พ.ย.) แกว่งแคบ หลังแรงซื้อไม่ค่อย ด้านนักลงทุนต่างชาติยังขายต่อเนื่อง ขณะที่เงินดอลลาร์สหรัฐฯก็แข็งค่าขึ้นเร็วทำให้ Fund Flow ยังไม่เข้ามา ส่วนกองทุนในประเทศก็คงจะชะลอซื้อช่วงสัปดาห์นี้หลังได้เข้าซื้อไปมากแล้วในสัปดาห์ที่ผ่านมา อีกทั้งตลาดฯก็ยังไร้ปัจจัยใหม่ ประกอบกับยังต้องรอดูการประชุมกลุ่มโอเปกในวันนี้ด้วย ส่วนการปรับน้ำหนักของ MSCI ก็อาจจะกดดันตลาดฯได้ เพราะหุ้นที่ถูกเพิ่มเข้าไปในการคำนวณได้มีการเล่นเก็งกำไรไปล่วงหน้าแล้ว วันนี้อาจเห็นแรง take profit ได้ อย่างหุ้น BJC, KCE เป็นต้น อย่างไรก็ดีตลาดฯยังได้แรงพยุงจากหุ้น AOT ที่ขึ้นรับข่าวแตกพาร์ ด้านตลาดภูมิภาคเช้านี้ส่วนใหญ่แกว่งในแดนบวกเล็กน้อย บ่ายนี้ตลาดฯคงจะยังแกว่งแคบ พร้อมให้แนวต้าน 1,500-1,505 ส่วนแนวรับ 1,490 จุด
น.ส.จิตรา อมรธรรม รองกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้แกว่งแคบ แม้ว่ารัฐบาลจะมีมาตรการช่วยเหลือด้านการท่องเที่ยว แต่ก็ได้ประโยชน์กับกลุ่มที่พัก,โรงแรม และซื้อทัวร์เที่ยวในประเทศ เท่านั้น ซึ่งทำให้ได้ประโยชน์จำกัดเฉพาะหุ้นไม่กี่ตัว ดังนั้นประเด็นนี้จึงไม่มีผลต่อตลาดฯในวันนี้ ส่วนเรื่องมาตรการช้อปช่วยชาติก็ยังคาดว่าน่าจะนำเข้าคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาในอังคารหน้า ซึ่งก็ไม่ได้ทำให้ตลาดดูแย่มากนัก
ทั้งนี้ จะเห็นได้ว่าแรงซื้อของตลาดฯไม่ค่อยมี เพราะนักลงทุนต่างชาติยังขายอยู่ และเมื่อวานนี้ช่วงบ่ายเงินดอลลาร์สหรัฐฯก็กลับมาแข็งค่าเร็วมาก ดังนั้นจึงมองว่า Fund Flow จะยังไม่เข้ามา มีแต่จะออกไป ส่วนกองทุนก็ได้ซื้อไปตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว สัปดาห์นี้จึงน่าจะชะลอซื้อ เพราะตลาดฯก็ไม่ได้มีปัจจัยใหม่เข้ามา ประกอบกับต้องรอดูการประชุมกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ในวันนี้ (30 พ.ย.) อีกทั้ง การปรับน้ำหนักลงทุนของ MSCI ที่จะมีผลสิ้นวันนี้ ก็อาจจะกดดันตลาดฯได้ เพราะหุ้นที่ได้ถูกเพิ่มเข้าไปในการคำนวณ ได้มีการเล่นเก็งกำไรไปล่วงหน้าแล้ว วันนี้ก็อาจจะได้เห็นแรง take profit ออกมา อย่างหุ้น BJC, KCE เป็นต้น
อย่างไรก็ดี ตลาดฯยังได้แรงพยุงจากหุ้น AOT ที่ปรับตัวขึ้นมารับข่าวเรื่องการแตกพาร์ ส่วนตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่ก็บวกเล็กน้อย คล้ายคลึงกับตลาดหุ้นไทยแนวโน้มการลงทุนในช่วงบ่ายนี้ ตลาดฯคงจะยังแกว่งแคบอยู่ พร้อมให้แนวต้าน 1,500-1,505 จุด ส่วนแนวรับ 1,490 จุด
บล.ธนชาตระบุในบทวิเคราะห์ (30 พ.ย.) ว่า SET ภาคเช้าเคลื่อนไหวแคบตลอดช่วงเช้าที่ผ่านมา โดยหุ้นกลุ่มค้าปลีกอย่าง CPALL และ BJC กดดันตลาด ขณะที่ AOT ที่มีประเด็นการแตกพาร์จาก 10 บาท เหลือ 1 บาท เพื่อเพิ่มสภาพคล่อง (ไม่มีผลต่อปัจจัยพื้นฐาน) แข็งแกร่งกว่าตลาดโดยรวม
ทั้งนี้ต้องระวังความ “ผันผวน” ที่เพิ่มขึ้นในช่วงปลายตลาดวันนี้ จากการ Rebalance ของดัชนี MSCI โดย BJC KCE ถูกเพิ่มหุ้นใน MSCI Thailand ขณะที่ COM7, MALEE, TKN, TFG ถูกเพิ่มหุ้นใน MSCI Global Small Index (ลดหุ้น ASP BJCHI CBG COL CGD DNA ROJNA ออกจาก Global Small Index)
ในขณะเดียวกัน “ซื้อ” กลุ่มรับเหมาฯ โดยคาดการณ์การเปิดขายซองรถไฟรางคู่ 5 เส้นทาง มูลค่า 1 แสนล้านบาท และผลการประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้ม-เหลือง-ชมพู มูลค่า 1.9 แสนล้าบาท ในช่วง 1-3 เดือนข้างหน้า จะเป็นปัจจัย “บวก” ต่อหุ้นกลุ่มรับเหมาฯ แนะนำ “ซื้อ” CK (ราคาหุ้นปัจจุบันสะท้อน NAV บริษัทลูกที่ 30 บาท/หุ้น เท่านั้น – ทะลุ 31.25 บาท จะมีเป้าหมายถัดไปที่ 33-34 บาท) SEAFCO (กำไรไตรมาส 4/59 จะกลับมาฟื้นตัวอีกครั้ง – แนวต้าน 11.3/11.5) PYLON (แนวต้าน 11.7/12.5) และ “เก็งกำไร” STEC (แนวต้าน 29.75-30.0 บาท)
สรุป 5 หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุดภาคเช้า
AOT มูลค่าการซื้อขาย 3,363.85 ล้านบาท ปิดที่ 396.00 บาท เพิ่มขึ้น 7.00 บาท
CPALL มูลค่าการซื้อขาย 875.96 ล้านบาท ปิดที่ 59.50 บาท ลดลง 0.75 บาท
BJC มูลค่าการซื้อขาย 811.21 ล้านบาท ปิดที่ 53.00 บาท ลดลง 1.25 บาท
SCB มูลค่าการซื้อขาย 512.36 ล้านบาท ปิดที่ 145.50 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท
BANPU มูลค่าการซื้อขาย 504.45 ล้านบาท ปิดที่ 18.60 บาท ลดลง 0.10 บาท