เช็ค 14 บจ.ฟอร์มโต หุ้นพลังงานนำขบวนดัน SET ปรับขึ้น

นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทยวันนี้มีโอกาสปรับขึ้น โดยมีปัจจัยบวกจากแรงซื้อหุ้นในกลุ่มธุรกิจน้ำมันและโรงกลั่น หลังราคาน้ำมันดิบพุ่งแรงรับข่าว OPEC ลดกำลังการผลิต


ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์ รายงานเช้านี้ ณ เวลา 9.20 น. ค่าเงินบาทอยู่ที่ 35.71 บาท ต่อเหรียญขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยได้รับแรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มพลังงาน หลังกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (OPEC) บรรลุข้อตกลงปรับลดกำลังการผลิตเป็นครั้งแรกในรอบ 8 ปี ในการประชุมเมื่อวานนี้

นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทยวันนี้มีโอกาสปรับขึ้น โดยมีปัจจัยบวกจากแรงซื้อหุ้นในกลุ่มธุรกิจน้ำมันและโรงกลั่น หลังราคาน้ำมันดิบพุ่งแรงรับข่าว OPEC ลดกำลังการผลิต หุ้นเด่นเลือก PTT-PTTGC-PTTEP-CK-SEAFCO-PYLON-STEC-KTC-BJC-BEAUTY-COM7-HMPRO-MINT และ BCH

 

บล.ธนชาต ระบุในบทวิเคราะห์ (1 ธ.ค.) ว่า OPEC บรรลุข้อตกลงในการลดกำลังการผลิตลง 1.2 ล้านบาร์เรล/วัน เหลือ 32.5 ล้านบาร์เรล/วัน รวมไปถึงโอกาสที่ non-OPEC จะลดกำลังการผลิตอีก 0.6 ล้านบาร์เรล/วัน ส่งผลราคาน้ำมันดิบ Brent ปรับสูงขึ้นกว่า 8% เมื่อคืนนี้ และเป็นปัจจัยสนับสนุนหุ้นกลุ่มพลังงานอย่าง PTT PTTEP PTTGC รวมไปถึง SET ปรับสูงขึ้นทดสอบ 1,520 จุด วันนี้ (ดีกว่าที่คาดไว้ที่เป้าหมาย 1,510 +/- จุดสัปดาห์นี้) ขณะที่คาดรัฐบาลจะออกมาตรการกระตุ้นบริโภคเพิ่ม ในช่วง 1-2 สัปดาห์นี้ และความคืบหน้าประมูลรถไฟรางคู่-รถไฟฟ้า หนุนกลุ่มค้าปลีก บัตรเครดิต และรับเหมาฯ

แนะนำ 1) กลุ่มพลังงานเด่นตามราคาน้ำมัน แนะนำ “ซื้อ” PTT (มีประเด็นนำ PTTOR เข้าตลาดในช่วง 12-15 เดือนข้างหน้า) และ PTTGC 2) กลุ่มรับเหมาฯ: “ซื้อ” CK SEAFCO PYLON และ “เก็งกำไร” STEC และ 3) กลุ่มค้าปลีก-บัตรเครดิต-โรงแรม ผลดีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ: “ซื้อ” KTC BJC BEAUTY COM7 HMPRO MINT

 

บล.กรุงศรี ระบุในบทวิเคราะห์ (1 ธ.ค.) คาด SET มีโอกาสปรับขึ้นโดยมีปัจจัยบวกจากแรงซื้อหุ้นในกลุ่มธุรกิจน้ำมันและโรงกลั่นหลังจากราคาน้ำมันดิบพุ่งแรงกว่า 4.2$/bbl (+9.3%) รับข่าวที่ประชุม OPEC ลดกำลังการผลิต 1.2 ล้านบาร์เรลจาก 33.8 ล้านบาร์เรลเป็น 32.5 ล้านบาร์เรลต่อวัน อย่างไรก็ตาม คาดว่าการปรับขึ้นของดัชนีจะเป็นไปอย่างผันผวนเนื่องจากจะมีแรงขายทำกำไรในระหว่างวันและยังถูกกดดันจาก Fund Flow ต่างชาติที่ยังไหลออก โดยวานนี้ Bond yield 10 ปีของไทยและสหรัฐต่างปรับตัวขึ้นอาจเป็นสัญญาณเร่งให้ Fund Flow ไหลออกจากตลาดหุ้นเกิดใหม่และตลาดหุ้นบ้านเรามากขึ้น

ส่วนหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัวและเป็นกลุ่มที่นักลงทุนให้ความสนใจในช่วงนี้ คือ 1) กลุ่มโรงพยาบาล (BCH CHG VIBHA VIH) มีกระแสข่าวกองทุนประกันสังคมจะปรับเพิ่มค่าใช้จ่ายคนไข้ต่อหัวขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 4 ปี ส่งผลบวกต่อกลุ่มโรงพยาบาลที่มีลูกค้าเป็นกลุ่มประกันสังคม 2) กลุ่มโรงแรม (MINT CENTEL ERW) รับอานิสงส์มาตรการลดค่าธรรมเนียม VISA VOA และ เพิ่มวงเงินลดหย่อนภาษีจากการท่องเที่ยวเป็น 30,000 บาท และ 3) กลุ่มรับเหมา (CK STEC BEM BTS) เก็งกำไรภาครัฐเดินหน้าลงทุนในโครงการขนาดใหญ่ อาทิ รถไฟฟ้า รถไฟทางคู่ และทางด่วนทางมอร์เตอร์เวย์

กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ : Selective buy

หุ้นเก็งกำไรระยะสั้น : BCH (ซื้อ/เป้าใหม่ 17.00 บาท) เก็งกำไรกองทุนประกันสังคมเพิ่มค่ารักษาพยาบาลให้กับผู้รักษาพยาบาลเป็นครั้งแรกในรอบ 4 ปี โดย BCH ได้ประโยขน์มากสุดเนื่องจากมีฐานลูกค้ากลุ่มประกันสังคมมากที่สุดในกลุ่มโรงพยาบาล

 

บล.แอพเพิลเวลธ์ ระบุในบทวิเคราะห์ (1 ธ.ค.) แนะนำกลยุทธ์การลงทุน ประเมินหุ้นกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมีจะโดดเด่นรับปัจจัยบวกโอเปกลดกำลังการผลิตลง 1.2 ล้านบาร์เรล/วัน ส่งผลให้ดัชนีมีโอกาสปรับตัวขึ้นทดสอบแนวต้านถัดไปบริเวณ 1,530 – 1,540 ได้ แนะนำซื้อกลุ่มพลังงาน PTT, PTTEP, PTTGC

Back to top button