SET บ่ายยืนบวก – ติดตามมาตรการช้อปช่วยชาติโบรกฯ แนะ “ซื้อ” IRPC เป้า 6.80 บ. มีปัจจัยหนุน

ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์รายงานตลาดหุ้นไทยดัชนี SET ภาคเช้า (1 ธ.ค.) ปรับตัวขึ้นเช่นเดียวกับตลาดภูมิภาคที่บวกถ้วนหน้า โดยกลุ่มพลังงานขึ้นนำตลาดฯโดดเด่นขานรับราคาน้ำมันพุ่งแรงหลังผลประชุมโอเปกลดกำลังการผลิตลงมากเกินคาด จากนี้ต้องติดตามมาตรการช้อปช่วยชาติ อย่างไรก็ดีตลาดฯยังคาดเฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ย ธ.ค.นี้ ระหว่างนี้หากตลาดฯขึ้นแรงหลังประชุมเฟดก็อาจมี Sell on fact แต่ยังมี LTF-RMF หนุนใน 2 อาทิตย์สุดท้ายของปีจึงเชื่อ Downside ไม่รุนแรง บ่ายนี้ยัง positive มีแนวรับ 1,510-1,500 แนวต้าน 1,530 จุด

น.ส.อาภาภรณ์ แสวงพรรค ผู้อำนวยการบริหารฝ่ายวิจัย บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้ปรับตัวขึ้นในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียที่ต่างอยู่ในแดนบวก โดยหุ้นกลุ่มพลังงานขึ้นนำตลาดอย่างโดดเด่น หลังจากที่ผลประชุมของกลุ่มโอเปกออกมาดีเกินคาดจากการบรรลุข้อตกลงลดกำลังการผลิตน้ำมันลง 1.2 ล้านบาร์เรล/วัน ส่งผลให้ราคาน้ำมันพุ่งแรงถึง 9%

จากนี้ต้องติดตามมาตรการกระตุ้นการใช้จ่าย “ช้อปช่วยชาติ”ว่าจะออกมาเป็นอย่างไร แต่เบื้องต้นคาดว่าจะยืดระยะเวลาใช้มาตรการเป็น 2 สัปดาห์ จากปีที่แล้วมีระยะเวลาแค่ 7 วัน โดยกำหนดวงเงินลดหย่อนภาษีไม่เกิน 15,000 บาท/คน

อย่างไรก็ดี ตลาดฯยังคงคาดว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมระหว่างวันที่ 13-14 ธ.ค.นี้ ซึ่งระหว่างนี้หากตลาดฯปรับตัวขึ้นแรงหลังการประชุมเฟดก็อาจมี Sell on fact ได้ แต่ก็ยังมี LTF-RMF ช่วยกระตุ้นได้ใน 2 อาทิตย์สุดท้ายก่อนสิ้นปี ดังนั้น Downside คงไม่รุนแรง แนวโน้มการลงทุนในช่วงบ่ายนี้ ตลาดฯยังเป็น positive โดยมีแนวรับ 1,510-1,500 จุด และมีแนวต้าน 1,530 จุด

 

บล.ธนชาตระบุในบทวิเคราะห์ (1 ธ.ค.) ว่า SET ภาคเช้า เปิด Gap สูงขึ้นตั้งแต่ช่วงเปิดตลาดทดสอบ 1,520 จุด จากแรงซื้อหุ้นกลุ่มพลังงานนำโดย PTT PTTEP PTTGC ตามราคาน้ำมันดิบ Brent ที่ปรับตัวสูงขึ้นกว่า 8% หลัง OPEC บรรลุข้อตกลงลดกำลังการผลิตลง 1.2 ล้านบาร์เรล/วัน ขณะที่คาดรัฐบาลจะออกมาตรการกระตุ้นบริโภคเพิ่ม ในช่วง 1-2 สัปดาห์นี้ และความคืบหน้าประมูลรถไฟรางคู่-รถไฟฟ้า หนุนกลุ่มค้าปลีก บัตรเครดิต และรับเหมาฯ และแนะนำ “ซื้อ” PTT PTTGC CK STEC BJC CPALL BEAUTY KTC HMPRO

ในขณะเดียวกัน แนะนำ “ซื้อ” IRPC ด้วยเป้าหมายพื้นฐาน 6.80 บาท ด้วยปัจจัยสนับสนุนจาก 1) Super laggard plays ในกลุ่มโรงกลั่น+ปิโตรฯ โดยราคาหุ้นให้ผลตอบแทน -1.2% ในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา เทียบกับ PTT +4.9%, PTTGC +9.2%, PTTEP +7%, TOP +5%, ESSO +121%, และ SPRC +9.5% 2) Valuation ถูกที่สุดในกลุ่มด้วย PE 7.4x ปีหน้า และให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลสูง 5.4-6.8% ในปี 2016-17 3) ผลการดำเนินงานไตรมาส 4/59 จะออกมาดี จากผลของการ upgrade โรงกลั่น (UHV) สามารถผลิตผลิตภัณฑ์คุณภาพสูงเพิ่มขึ้น และค่าการกลั่นสูง US$7-8/bbl และ 4) มีลุ้น Breakout ทางเทคนิคที่ 4.88 บาท เป้าหมายถัดไปที่ 5.10 บาท

 

สรุป 5 หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุดภาคเช้า 

PTT มูลค่าการซื้อขาย 3,915.97 ล้านบาท ปิดที่ 364.00 บาท เพิ่มขึ้น 15.00 บาท

PTTEP มูลค่าการซื้อขาย 2,900.09 ล้านบาท ปิดที่  88.00 บาท เพิ่มขึ้น  5.50 บาท

AOT มูลค่าการซื้อขาย 1,469.61 ล้านบาท ปิดที่ 400.00 บาท ลดลง   2.00 บาท

ESSO มูลค่าการซื้อขาย 1,355.76 ล้านบาท ปิดที่  13.60 บาท เพิ่มขึ้น  0.40 บาท

PTTGC มูลค่าการซื้อขาย 1,211.83 ล้านบาท ปิดที่  65.00 บาท เพิ่มขึ้น  2.50 บาท