SET บ่ายซึมตัว ขาดปัจจัยใหม่เข้าหนุนโบรกฯ แนะ “ซื้อ” PTTGC ชูเป้า 73 บ.

SET บ่ายซึมตัว ขาดปัจจัยใหม่เข้าหนุน พร้อมให้กรอบการเคลื่อนไหวที่ 1,505-1,513 จุด โบรกฯ แนะ “ซื้อ” PTTGC ชูเป้า 73 บ. ปัจจัยหนุนเพียบ


ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์รายงานตลาดหุ้นไทยดัชนี SET ภาคเช้า (2 ธ.ค.) ขาดปัจจัยบวกใหม่เข้ามาขับเคลื่อน รวมถึงภาพตลาดหุ้นต่างประเทศที่ส่วนใหญ่เคลื่อนไหวในแดนลบยังเป็นปัจจัยกดดันตลาดให้อ่อนตัวลง รวมถึง Valuation ของตลาดหุ้นไทยที่ค่อนข้างตึงตัวหลังดัชนีขยับเข้าใกล้เป้าหมายสิ้นปีนี้ที่ระดับ 1,530 จุดแล้ว อย่างไรก็ตามตลาดยังมีแรงซื้อเข้ามาในหุ้น PTT และ PTTEP ต่อเนื่องจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น ช่วยประคองดัชนีไม่ให้ปรับตัวลงมากนัก ขณะที่คาดดัชนีจะยังคงซึมตัวต่อเนื่องในการซื้อขายช่วงบ่าย ให้กรอบการเคลื่อนไหวที่ 1,505-1,513 จุด

 

นายประกิต สิริวัฒนเกตุ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.กสิกรไทย เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้ค่อนข้างซึมตัว มูลค่าซื้อขายไม่มากนัก หลังขาดปัจจัยบวกใหม่ที่จะเข้ามาขับเคลื่อน โดยเฉพาะปัจจัยในประเทศจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ยังไม่ประเด็นใหม่เพิ่มเติม กดดันให้มีแรงขายทำกำไรออกมาในหุ้นที่เกี่ยวข้องและมีการเก็งกำไรก่อนหน้านั้น ขณะที่ภาวะตลาดหุ้นต่างประเทศยังไม่สดใสมากนัก อีกทั้ง Valuation ของตลาดหุ้นไทยค่อนข้างตึงตัวมาก หลังดัชนีเข้าใกล้เป้าหมายสิ้นปีที่ระดับ 1,530 จุดแล้ว

อย่างไรก็ตามวันนี้ตลาดยังแรงซื้อเข้ามาในหุ้นกลุ่มพลังงานต่อเนื่องจากวานนี้ หลังราคาน้ำมันดีดตัวขึ้นขานรับมติที่ประชุมกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ที่ให้ลดกำลังการผลิตน้ำมันลง โดยมีแรงซื้อนำเข้ามาในหุ้นบมจ.ปตท. (PTT) และบมจ.ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (PTTEP) ช่วยประคองตลาดไม่ให้ปรับตัวลดลงไปมากนัก

แต่ยังต้องระมัดระวังแรงขายทำกำไรที่อาจจะมีออกมาในช่วงปลายสัปดาห์หน้า จากการที่ Fund Flow อาจจะไหลออกอีกครั้งตามแรงเก็งกำไรค่าเงินดอลลาร์ เพราะเป็นช่วงเข้าใกล้การประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่จะมีขึ้นในวันที่ 13-14 ธ.ค.นี้ ซึ่งคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย

ส่วนแนวโน้มการซื้อขายช่วงบ่าย คาดว่าตลาดหุ้นไทยจะซึมตัวต่อ เพราะยังไม่มีแรงขับเคลื่อนใหม่เข้ามา ขณะที่การเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร ของสหรัฐในคืนนี้ อาจจะไม่ได้ส่งผลต่อภาพรวมการลงทุนมากนัก เพราะการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐในช่วงที่ผ่านมาออกมาในทิศทางที่ดี ทำให้คาดการณ์ว่าเฟดจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมรอบนี้แน่นอน แต่ตลาดยังคงรอดูว่าเฟดจะส่งสัญญาณเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยอย่างไรต่อไป ทั้งนี้ มองกรอบการเคลื่อนไหวสำหรับช่วงบ่ายที่ระดับ 1,505-1,513 จุด

 

 

บล.ธนชาตระบุในบทวิเคราะห์ (2 ธ.ค.) ว่า SET ภาคเช้า ปรับสูงขึ้นเข้าใกล้แนวต้าน 1,520 +/- จุอ อีกครั้งเช้านี้ นำโดยหุ้นกลุ่มพลังงานอย่าง PTT PTTEP PTTGC แต่ยังไม่สามารถผ่านไปได้ มอง SET “ผันผวน” ระยะสั้น จากการ “ปรับพอร์ต” เข้ากลุ่มพลังงาน ขณะที่ downside risk ปลายปีจำกัด แม้ Fed มีแนวโน้มขึ้นดอกเบี้ยในวันที่ 14 ธ.ค.นี้ เนื่องจาก 1) นักลงทุนส่วนใหญ่ปรับพอร์ตรับมือดอกเบี้ย Fed ที่จะขึ้นไปแล้ว 2) แรงซื้อจากกองทุน LTF หนุนตลาดหุ้นปลายปี 3) ราคาน้ำมันที่ปรับสูงขึ้นเป็นปัจจัยบวกต่อหุ้นกลุ่มพลังงาน และ 4) คาดรัฐบาลออกมาตรการกระตุ้นการบริโภคเพิ่มเติม หลังการบริโภคในเดือน ต.ค.ชะลอตัวลง

ในขณะเดียวกัน แนะนำ “ซื้อ” PTTGC เป้าหมายพื้นฐาน 73 บาท จาก 1) PTTGC เป็น laggard plays ที่ได้รับผลดีจากราคาน้ำมันที่ปรับสูงขึ้น 2) การปรับสูงขึ้นของราคาน้ำมันเป็นปัจจัยบวกต่ออัตรากำไร โดยทุกๆ US$5/bbl ที่สูงกว่าสมมติฐานปี 2017 ที่ US$50/bbl จะเป็น upside ต่อกำไร 8-9% 2) กำลังการผลิต Aromatic เพิ่มขึ้น 170k ตัน/ปี (+8%) และ Phenol เพิ่มขึ้น 405k ตัน/ปี (+120%) ในปี 2016 และ LLDPE 400k ตัน/ปี (+25%) ในปี 2018 จะเป็นปัจจัยหนุนการเติบโตกำไร 35-18% ในปี 2017-18 และ 3) ทางเทคนิคมีแนวโน้มทดสอบแนวต้านที่ 65.5/67.5 บาท

 

สรุป 5 หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุดภาคเช้า

PTTEP  มูลค่าการซื้อขาย 1,629.94 ล้านบาท ปิดที่  91.25 บาท เพิ่มขึ้น  2.75 บาท

PTT    มูลค่าการซื้อขาย 1,505.39 ล้านบาท ปิดที่ 366.00 บาท เพิ่มขึ้น  2.00 บาท

AOT    มูลค่าการซื้อขาย   707.66 ล้านบาท ปิดที่ 400.00 บาท ลดลง   2.00 บาท

PTTGC  มูลค่าการซื้อขาย   679.11 ล้านบาท ปิดที่  65.00 บาท เพิ่มขึ้น  0.75 บาท

JAS    มูลค่าการซื้อขาย   393.94 ล้านบาท ปิดที่   7.65 บาท เพิ่มขึ้น  0.05 บาท

Back to top button