SET ฟื้นตามตปท. เช็ค 11 หุ้นลุ้น Outperform ตลาด
นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทยวันนี้ผันผวนแต่มีโอกาสฟื้นตัวตามตลาดหุ้นต่างประเทศ ขณะที่นักลงทุนมองข้ามผลการลงประชามติของชาวอิตาลีไปรอดูท่าทีของ ECB ซึ่งคาดหวังว่าจะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม ส่วนตลาดบ้านเราเชื่อว่าจะมีแรงเก็งกำไรในหุ้นขนาดกลางและเล็ก โดยเฉพาะกลุ่มที่คาดว่าจะได้ประโยชน์จากการประชุม ครม.วันนี้ ซึ่งคาดว่าที่ประชุมจะมีการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม
ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์ รายงานเช้านี้ ณ เวลา 9.18 น. ค่าเงินบาทอยู่ที่ 35.61 บาทต่อเหรียญ ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยได้รับปัจจัยหนุนจากตลาดหุ้นนิวยอร์กที่ปิดบวกเมื่อคืน ขานรับรายงานที่ระบุว่าภาคบริการของสหรัฐมีการขยายตัวที่แข็งแกร่งในเดือน พ.ย.
นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทยวันนี้ผันผวนแต่มีโอกาสฟื้นตัวตามตลาดหุ้นต่างประเทศ ขณะที่นักลงทุนมองข้ามผลการลงประชามติของชาวอิตาลีไปรอดูท่าทีของ ECB ซึ่งคาดหวังว่าจะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม ส่วนตลาดบ้านเราเชื่อว่าจะมีแรงเก็งกำไรในหุ้นขนาดกลางและเล็ก โดยเฉพาะกลุ่มที่คาดว่าจะได้ประโยชน์จากการประชุม ครม.วันนี้ ซึ่งคาดว่าที่ประชุมจะมีการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม
หุ้นเด่นเลือก PTT-PTTGC-CK-BJC-CPALL-ROBINS-HMPRO-BEAUTY-COM7-LOXLEY และ TACC
บล.ธนชาต ระบุในบทวิเคราะห์ (6 ธ.ค.) ว่า แม้ประชาชนส่วนใหญ่ Vote “NO” ในการปฎิรูปกฎหมายอิตาลี และนายกฯ ประกาศลาออกในช่วงสุดส1ปดาห์ที่ผ่านมา แต่ค่าเงิน Euro กลับแข็งค่าขึ้น จากคาดการณ์กลุ่มการเมืองเดิมจะขึ้นมาเป็นรัฐบาลอยู่ดี ขณะที่เรายังมอง Downside Risk ของ SET จำกัด และยังมองแนวโน้ม sideways up ไปที่ 1,520 +/- จุด เหมือนเดิม จาก 1) แรงซื้อ LTF ปลายปี 2) ราคาน้ำมันปรับสูงขึ้นหนุนกลุ่มพลังงานอย่าง PTT PTTEP PTTGC และ 3) คาดมาตรการกระตุ้นบริโภคเพิ่มในช่วง 1-2 สัปดาห์ข้างหน้า และคืบหน้าประมูลรถไฟรางคู่ และผลการประมูลรถไฟฟ้าหนุน Consumption + Infra Plays
คาดกลุ่มพลังงานจะ Outperform ตลาดต่อเนื่อง แนะนำ “ซื้อ” PTT (มีประเด็นนำ PTTOR เข้าตลาดในช่วง 12-15 เดือนข้างหน้า แนวต้าน 378) และ PTTGC (ได้รับผลดีจากน้ำมันขึ้น และกำลังการผลิตเพิ่ม หนุนกำไรโต 35-18% ในปี 2017-18)
และกลุ่มค้าปลีก-รับเหมาฯ: “ซื้อ” CK BJC (จะออกหุ้นกู้ 2.8 หมื่นล้าน refinance เงินกู้เดิม ดอกเบี้ยเฉลี่ย 3.1%) CPALL HMPRO BEAUTY
บล.กรุงศรี ระบุในบทวิเคราะห์ (6 ธ.ค.) คาด SET ยังเคลื่อนไหวผันผวนแต่มีโอกาสฟื้นตัวตามตลาดหุ้นต่างประเทศ ซึ่งมองข้ามผลการลงประชามติของชาวอิตาลีที่ออกมาโหวต No คัดค้านการปฏิรูปรัฐธรรมนูญ เนื่องจากนักลงทุนรอดูท่าทีของ ECB และคาดหวังจะเห็น ECB ออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมในการประชุมที่จะมีขึ้นในวันที่ 8 ธ.ค.นี้
หุ้นในกลุ่ม Big Cap โดยรวมยังไม่มีปัจจัยบวกลบใหม่วันนี้น่าจะเคลื่อนไหวในกรอบแคบ แต่หุ้นขนาดกลางถึงเล็กน่าจะมีแรงเก็งกำไรกันมากขึ้นโดยเฉพาะกลุ่มที่คาดว่าจะได้ประโยชน์จากการประชุม ครม.วันนี้ซึ่งคาดว่าที่ประชุมจะมีการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม อาทิ มาตรการช้อปปิ้งช่วยชาติ และมาตรการลดภาษีนำเข้าสินค้าฟุ่มเฟือยอาทิ เครื่องสำอางและน้ำหอมเป็นบวกกับ ROBINS BIG JMART GLOBAL HMPRO
นอกจากนี้กลุ่มที่คาดว่าจะเข้า SET 50/100 และกลุ่มที่หลุดจากบัญชี Cash Balance คาดว่าจะมีแรงเก็งกำไรเข้ามาเช่นกัน เข้า SET 50 (SPRC PTG GLOBAL) และ SET100 (TKN ESSO GFPT STA และ VIBHA) และหุ้นที่หลุด Cash Balnace (AJD TACC RJH HOTPOT)
กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ : Selective buy
หุ้นเก็งกำไรระยะสั้น : TACC (ซื้อ/เป้า 10.00 บาท) แนวโน้มกำไรสุทธิไตรมาส 4/16 ยังโตต่อเนื่อง และวันนี้น่าจะมีแรงเก็งกำไรหลังจาก TACC หลุดจากบัญชี Cash Balance เป็นวันแรก
บล.แอพเพิลเวลธ์ ระบุในบทวิเคราะห์ (6 ธ.ค.) ว่า แม้ผลโหวตการลงประชามติ รธน. ของอิตาลีจะไม่รับร่าง ส่งผลให้นายกฯ อิตาลีต้องลาออก แต่คาดจะมีการแต่งตั้ง รมว.คลังเข้าบริหารงานแทน ส่งผลให้ความผันผวนตลาดหุ้นและพันธบัตรอิตาลีเริ่มลดลง ดังนั้นผลกระทบต่อตลาดภูมิภาคเอเชียค่อนข้างน้อย กลยุทธ์การลงทุน ประเมินดัชนีเคลื่อนไหวในกรอบ 1,490-1,510 จุด แนะนำเทรดดิ้งระยะสั้นตามกรอบ
แนะนำเก็งกำไรกลุ่มค้าปลีก เช่น CPALL, ROBINS, HMPRO, COM7 ( + มาตรการชอปช่วยชาติ ) และ LOXLEY ( + ประมูลรถเมล์ไฟฟ้า )