SET บ่ายแกว่ง Sideway ลุ้นช้อปช่วยชาติโบรกฯ แนะ “ซื้อ” PTTGC ปัจจัยหนุนเพียบ
SET บ่ายแกว่ง Sideway ลุ้นช้อปช่วยชาติ พร้อมให้ติดตามทิศทางราคาสินค้าโภคภัณฑ์ และเศรษฐกิจสหรัฐใกล้ชิด บ่ายนี้ตลาดฯคงแกว่งไซด์เวย์ ให้แนวรับ 1,515 ส่วนแนวต้าน 1,535 จุด โบรกฯ แนะ “ซื้อ” PTTGC ชูเป้า 73 บาท ปัจจัยหนุนเพียบ
ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์รายงานตลาดหุ้นไทยดัชนี SET ภาคเช้า (13 ธ.ค.) รับแรง take profit กลุ่มสื่อสาร, แบงก์ และโรงพยาบาล แม้ได้กลุ่มพลังงานหนุนตลาดฯ แรงขายที่ออกมาเช้านี้ลดความเสี่ยงก่อนประชุมเฟด 13-14 ธ.ค.เพราะกังวลผลต่อ FX และ Yield อีกทั้งยังต้องรอดูสัญญาณเฟดในระยะต่อไปด้วย ส่วนปัจจัยในประเทศวันนี้รอลุ้นครม.ออกมาตรการช้อปช่วยชาติ แต่เล่นเก็งกำไรกันไปล่วงหน้าแล้ว พร้อมให้ติดตามทิศทางราคาสินค้าโภคภัณฑ์ และเศรษฐกิจสหรัฐใกล้ชิด บ่ายนี้ตลาดฯคงแกว่งไซด์เวย์ ให้แนวรับ 1,515 ส่วนแนวต้าน 1,535 จุด
นายธีรวุฒิ กานต์นิภากุล ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้ได้รับแรง take profit บ้างจากหุ้นในกลุ่มสื่อสาร, กลุ่มธนาคาร และบางตัวในกลุ่มโรงพยาบาล ขณะที่หุ้นในกลุ่มพลังงานปรับตัวขึ้นมาในเช้านี้ ทำให้ตลาดฯไม่ได้ไปไหน โดยมองว่าตลาดฯได้รับรู้เรื่องการลดกำลังการผลิตของประเทศผู้ผลิตน้ำมันไปแล้วทั้งกลุ่มโอเปกและนอกโอเปก
ทั้งนี้ แรงขายที่ออกมาในเช้านี้เป็นแรงขายลดความเสี่ยงก่อนการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ที่จะมีขึ้นในวันที่ 13-14 ธ.ค.นี้ เชื่อว่าจะมีผลต่ออัตราแลกเปลี่ยนเงินตรา (FX) และอัตราผลตอบแทน (yield) พันธบัตรด้วย จากที่คาดการณ์ว่าเฟดคงจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย แต่ก็ยังรอดูสัญญาณว่าจะมีแนวโน้มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งเมื่อใด
สำหรับปัจจัยในประเทศ วันนี้ก็รอลุ้นคณะรัฐมนตรีจะออกมาตรการช้อปช่วยชาติ แต่ก็มองว่าคงไม่ได้ช่วยกระตุ้นตลาดฯมากนัก เพราะกำหนดวงเงินลดหย่อนภาษีเท่าเดิมคือไม่เกิน 15,000 บาท และต่างก็เล่นเก็งกำไรล่วงหน้ากันไปแล้ว อย่างไรก็ดี ยังต้องติดตามทิศทางราคาสินค้าโภคภัณฑ์และเศรษฐกิจของสหรัฐฯอย่างใกล้ชิดต่อไปแนวโน้มการลงทุนในช่วงบ่ายนี้ ตลาดฯคงจะแกว่งไซด์เวย์ พร้อมให้แนวรับ 1,515 จุด ส่วนแนวต้าน 1,535 จุด
บล.ธนชาตระบุในบทวิเคราะห์ (13 ธ.ค.) ว่า SET ภาคเช้า ถูก Profit taking ตามตลาดโดยรวม แต่กลุ่มพลังงานยังแข็งแกร่ง: หุ้นกลุ่มพลังงานแข็งแกร่งกว่าตลาดต่อเนื่อง จากราคาน้ำมันที่ปรับสูงขึ้นหลังกลุ่มผู้ผลิตน้ำมันนอกกลุ่ม OPEC ตกลงลดกำลังการผลิตเกือบ 6 แสนบาร์เรล/วัน โดยเราแนะนำ “เก็งกำไร” PTT ที่แม้ราคาหุ้นปรับสูงขึ้นเกินมูลค่าพื้นฐานไปแล้ว แต่มีประเด็นบวกจากการนำ PTTOR เข้ามา listed ในตลาดช่วง 12-15 เดือนข้างหน้า รวมไปถึง “ซื้อ” PTTGC ที่เป็น Laggard plays ในกลุ่มพลังงานที่ได้รับผลดีจากการปรับสูงขึ้นของราคาน้ำมัน โดยราคาน้ำมันดิบ Brent ที่ปรับสูงขึ้นทุกๆ US$5/bbl จากสมมติฐานที่ US$50/bbl เป็น upside ต่อประมาณการกำไร 8-9% ในปี 2016-17
ในขณะเดียวกันแนะนำ “ซื้อ” PTTGC ด้วยเป้าหมายพื้นฐาน 73 บาท จาก 1) ได้รับผลดีจากการปรับสูงขึ้นของราคาน้ำมัน โดยทุกๆ US$5/bbl ที่สูงกว่าสมมติฐานปี 2017 ที่ US$50/bbl จะเป็น upside ต่อกำไร 8-9% 2) กำลังการผลิต Aromatic เพิ่มขึ้น 170k ตัน/ปี (+8%) และ Phenol เพิ่มขึ้น 405k ตัน/ปี (+120%) ในปี 2016 และ LLDPE 400k ตัน/ปี (+25%) ในปี 2018 จะเป็นปัจจัยหนุนการเติบโตกำไร 35-18% ในปี 2017-18 3) ราคาหุ้น PTTGC ปรับสูงขึ้นไม่มาก (laggard play) เมื่อเทียบกับ PTT และ PTTEP ที่ได้รับผลดีจากการปรับขึ้นของราคาน้ำมัน และ 4) ถ้าพิจารณาทางเทคนิคมีแนวโน้มทดสอบแนวต้านที่ 65.5/67.5 บาท
สรุป 5 หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุดภาคเช้า
PTT มูลค่าการซื้อขาย 1,585.62 ล้านบาท ปิดที่ 371.00 บาท เพิ่มขึ้น 2.00 บาท
PTTEP มูลค่าการซื้อขาย 1,059.78 ล้านบาท ปิดที่ 92.50 บาท เพิ่มขึ้น 0.75 บาท
BANPU มูลค่าการซื้อขาย 917.92 ล้านบาท ปิดที่ 18.90 บาท เพิ่มขึ้น 0.40 บาท
KBANK มูลค่าการซื้อขาย 641.70 ล้านบาท ปิดที่ 172.00 บาท ลดลง 2.00 บาท
INTUCH มูลค่าการซื้อขาย 622.18 ล้านบาท ปิดที่ 50.00 บาท ลดลง 0.25 บาท