SET ทรงตัวรอผลประชุมเฟด ดักเก็บ 9 หุ้นฟอร์มโต
นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทยวันนี้ทรงตัวระหว่างรอรอผลประชุม FED คืนนี้ การลงทุนเน้นหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัวและได้รับผลดีจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ อย่างไรก็ตามให้ระวัง Sell on fact เนื่องจากมีการเก็งกำไรมาก่อนแล้ว
ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์ รายงาน เช้านี้ ณ เวลา 9.25 น. ค่าเงินบาทอยู่ที่ 35.54 บาทต่อเหรียญ ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียเปิดบวก โดยได้แรงหนุนจากตลาดหุ้นนิวยอร์กที่ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อคืนนี้ เนื่องจากนักลงทุนเข้าซื้อหุ้นอย่างคึกคัก ก่อนที่การประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (FED) จะเสร็จสิ้นในวันนี้ตามเวลาสหรัฐ
นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทยวันนี้ทรงตัวระหว่างรอรอผลประชุม FED คืนนี้ การลงทุนเน้นหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัวและได้รับผลดีจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ อย่างไรก็ตามให้ระวัง Sell on fact เนื่องจากมีการเก็งกำไรมาก่อนแล้ว หุ้นเด่นเลือก STA-TISCO-ROBINS-BEAUTY-BJC-HMPRO-COM7-PTTGC และ TOP
บล.แอพเพิล เวลธ์ ระบุในบทวิเคราะห์ (14 ธ.ค.) ว่า ทิศทางตลาดวานนี้ยังได้แรงหนุนจากกลุ่มพลังงาน ประกอบกับ ครม. ได้อนุมัติมาตรการช็อปช่วยชาติและแผน Action Plan โครงสร้างพื้นฐานปี 60 วงเงิน 8.9 แสนล้านบาท คาดจะช่วยหนุนการเติบโตของเศรษฐกิจไทยในปีหน้า ขณะที่เย็นวันนี้ติดตามผลการประชุม FOMC และแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยสหรัฐในปีหน้า
กลยุทธ์การลงทุน ประเมินแนวรับ 1,520 จุด แนวต้าน 1,540 จุด โดยวางจุด Trialer Stop Loss สำหรับการเก็งกำไรระยะสั้นหากดัชนีปรับฐานต่ำกว่าระดับ 1,520 จุด
บล.ธนชาต ระบุในบทวิเคราะห์ (14 ธ.ค.) ว่า แม้ Fed มีแนวโน้มขึ้นดอกเบี้ย 0.25% เป็น 0.5-0.75% คืนนี้ แต่ประเมินผลกระทบต่อตลาดหุ้นโลกไม่มากนัก เนื่องจากมีการปรับพอร์ตไปก่อนหน้านี้แล้ว ขณะที่เราคงมุมมอง “บวก” ต่อ SET ในเดือน ธ.ค. ด้วยเป้าหมาย 1,545 จุด ต่อไป จาก 1) มาตรการลดหย่อนภาษีซื้อสินค้า-บริการ 15,000 บาท หนุนเศรษฐกิจปลายปี โดยเฉพาะกลุ่มค้าปลีก 2) กลุ่มพลังงานได้รับผลบวกจากการปรับสูงขึ้นของราคาน้ำมัน ขณะที่โรงกลั่นจะบันทึกกำไรสต็อกน้ำมัน (เฉลี่ย Brent เดือน ก.ย.ที่ US$46.6/bbl) และค่าการกลั่นสูงในไตรมาส 4/16 และ 3) แรงซื้อจากกองทุน LTF ปลายปีนี้
แนะนำ “ซื้อ” PTTGC ยังมองเป็น Laggard Play ในกลุ่มพลังงาน และ 1) “ซื้อ” STA เริ่มบทวิเคราะห์ด้วยคำแนะนำ “ซื้อ” เป้าหมายพื้นฐาน 27 บาท มองพื้นฐานบริษัท และอุตสาหกรรมยางดีขึ้น คาดการณ์กำไรปี 2017 เติบโตแกร่ง 158% ที่ 1.4 พันล้านบาท ขณะที่ทางเทคนิคมีเป้าหมายระยะสั้นที่ 22.40 บาท 2) กลุ่มค้าปลีก ได้รับผลดีมาตรการลดหย่อนภาษีปลายปี : “ซื้อ” ROBINS BEAUTY BJC HMPRO และ “เก็งกำไร” COM7
บล.กรุงศรี ระบุในบทวิเคราะห์ (14 ธ.ค.) คาดแนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้ เคลื่อนไหวแกว่งตัวในกรอบแคบรอผลประชุม FED คืนนี้ คาดว่า FED จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% จากเดิม 0.5% เป็น 0.75% และคงคาดการณ์ Dot Plot ตามเดิมคือขึ้นดอกเบี้ยครั้งละ 0.25% จำนวน 2 ครั้งในปี 2017 และคาดจะเห็น Contrarian Flow ไหลกลับเข้าลงทุนในตลาดพันธบัตร ตลาด Emerging market และทองคำในระยะสั้น
อย่างไรก็ตาม หาก FED มีการปรับ Dot Plot โดยเพิ่มจำนวนครั้งของการขึ้นดอกเบี้ยในปีหน้า คาดว่า SET จะเผชิญภาวะเงินทุนไหลออกอีกรอบจากการที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐปรับตัวสูงขึ้น แต่มอง Downside risk จำกัด เพราะมีเม็ดเงิน LTF ของนักลงทุนสถาบันในประเทศรอซื้ออยู่ไม่ต่ำกว่า 1.5 หมื่นล้านบาท ฝ่ายวิจัยยังมีมุมมองบวกต่อหุ้นกลุ่มน้ำมันในระยะสั้นภายหลังกลุ่ม OPEC และ Non-OPEC ตกลงลดกำลังการผลิตลงในการประชุมวันเสาร์ที่ผ่านมา ถึงแม้ในช่วงที่ผ่านมาราคาหุ้นในกลุ่มจะเริ่มมีการปรับตัวขึ้นไปแล้วบ้างแต่ยังมีบางตัวที่ยัง Laggard อยู่เช่น กลุ่มโรงกลั่น (TOP เป้าหมาย 78.00 บาท) ที่มองว่ากลุ่มนี้น่าจะมีการบันทึกกำไรจากสต๊อกน้ำมันในไตรมาส 4/16 โดยราคาหุ้น TOP ที่ผ่านมาปรับตัวลดลง 1% ตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคมที่ผ่านมาหลัง OPEC ปรับลดกำลังการผลิตเทียบกับตัวอื่นที่ปรับขึ้นมา 1-6%
สำหรับกลุ่มค้าปลีก (HMPRO ROBINS GLOBAL MC BIG JMART และ COM7) และบัตรเครดิต (KTC, AEONTS) จะได้ประโยชน์จากมาตรการช้อปช่วยชาติ และเงินโอนให้ผู้มีรายได้น้อย แต่ให้ระวัง Sell on fact เพราะมีการเก็งกำไรมาก่อนแล้ว นอกจากนี้หุ้นที่คาดว่าจะได้รับเข้าคำนวณในดัชนี SET50/SET100 รอบใหม่ ซึ่งจะประกาศในสัปดาห์นี้คาดจะมีแรงเก็งกำไรเช่นกัน หุ้นที่คาดว่าจะเข้า SET50 คือ SPRC PTG GL GLOBAL THAI และ SET100 TKN ESSO GFPT STA และ VIBHA
กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ : Selective buy
หุ้นเก็งกำไรระยะสั้น : TISCO (ซื้อ/เป้า 64.00 บาท) คุณภาพสินทรัพย์ดีขึ้น สินเชื่อปีหน้าโตเด่น และอาจจ่ายปันผลสูงกว่าคาดที่ 2.50 บาทต่อหุ้น (Dividend yield 4.6%) และ TOP (ซื้อ/เป้า 78.00 บาท) คาดบันทึกกำไรจากสต๊อกน้ำมันจำนวนมากในไตรมาส 4/16