SET ไซด์เวย์ เลือกช็อป 8 หุ้นกระแสดีช่วงดัชนีผันผวน

นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทยวันนี้ ไซด์เวย์ในกรอบแคบเพื่อรอปัจจัยใหม่ ขณะที่เชื่อว่าแรงขายจากนักลงทุนต่างชาติจะชะลอลง การลงทุนเน้นกลุ่มที่ได้รับผลดีจากการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ และมีแนวโน้มเติบโตดีในปีหน้า


ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์ รายงาน เช้านี้ ณ เวลา 9.25 น. ค่าเงินบาทอยู่ที่ 35.77 บาทต่อเหรียญ ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวเพิ่มขึ้นหลังสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจแข็งแกร่ง ขณะเดียวกันนักลงทุนมองว่าการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (FED) ส่งสัญญาณว่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 3 ครั้งในปีหน้า สะท้อนให้เห็นว่าเศรษฐกิจสหรัฐมีความแข็งแกร่งเพียงพอ

นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทยวันนี้ ไซด์เวย์ในกรอบแคบเพื่อรอปัจจัยใหม่ ขณะที่เชื่อว่าแรงขายจากนักลงทุนต่างชาติจะชะลอลง การลงทุนเน้นกลุ่มที่ได้รับผลดีจากการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ และมีแนวโน้มเติบโตดีในปีหน้า หุ้นเด่นเลือก CPALL-BJC-WORK-PLANB-CK-ESSO-TISCO และ SCB

 

นายกิติชาญ ศิริสุขอาชา ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์รายย่อย บล.ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) เปิดเผยถึงตลาดหุ้นไทยเช้านี้ (16 ธ.ค.) คาดว่าจะแกว่งไซด์เวย์ในกรอบแคบ เนื่องจากไม่ได้มีปัจจัยบวก/ลบมากนัก ประกอบกับ ราคาน้ำมันทรงตัว ขณะที่ตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ก็เคลื่อนไหวทั้งแดนบวก-ลบเล็กน้อย

อย่างไรก็ตาม การทบทวนรายชื่อหลักทรัพย์ชุดใหม่ที่จะใช้ในการคำนวณ FTSE SET Index Series ซึ่งจะมีผลตั้งแต่วันที่ 19 ธ.ค.59 เป็นต้นไป อาจทำให้นักลงทุนต่างปรับพอร์ตตาม นอกจากนี้ มองว่าแรงขายของนักลงทุนต่างชาติคงจะชะลอแล้ว ขณะที่ยังมีกองทุน LTF-RMF ช่วยหนุน ดังนั้น ทิศทางตลาดฯน่าจะแกว่ง Sideway up ในช่วงปลายปีนี้

พร้อมให้ติดตามการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในวันที่ 21 ธ.ค.นี้ ซึ่งตลาดคาดว่าจะยังคงอัตราดอกเบี้ยไว้ในระดับเดิม พร้อมให้แนวรับ 1,515 จุด ส่วนแนวต้าน 1,525 จุด

 

บล.แอพเพิล เวลธ์ ระบุในบทวิเคราะห์ (16 ธ.ค.) วานนี้ทิศทางตลาดหุ้นในแถบเอเชียถูกแรงกดดันจากแนวโน้มการปรับขึ้นดอกเบี้ยสหรัฐในปีหน้า ส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่า และเป็นผลลบต่อกระแส Fund Flows รวมถึงทิศทางราคาสินค้าโภคภัณฑ์ต่างๆ ส่วนผลกระทบต่อตลาดหุ้นไทยค่อนข้างน้อย เนื่องจากเม็ดเงินลงทุนต่างชาติอยู่ในปริมาณไม่มากและเดือน พ.ย. ที่ผ่านมา ต่างชาติได้ปรับพอร์ตบางส่วนแล้ว

กลยุทธ์การลงทุน ประเมินดัชนี SET ในช่วง ธ.ค. น่าจะเคลื่อนไหวในกรอบจำกัด วางแนวรับ 1,510 จุด แนวต้าน 1,530 จุด แนะนำซื้อ SCB (ราคาเป้าหมาย 170.00 บาท ได้ประโยชน์จากการลด Provision ของหนี้ SSITH)

 

บล.ธนชาต ระบุในบทวิเคราะห์ (16 ธ.ค.) ท่าทีของ FED ที่มีมุมมอง “บวก” มากขึ้นต่อเศรษฐกิจ, การเร่งตัวของเงินเฟ้อ, และโอกาสการปรับขึ้นดอกเบี้ย 3 ครั้งในปีหน้าส่งผลเงินดอลลาร์ฯ แข็งค่าขึ้น และเงินบาทอ่อนค่ามาที่ 35.77 บาท/ดอลลาร์ฯ ขณะที่ Bond Yield ทั้งในประเทศ และสหรัฐฯ ที่ปรับสูงขึ้น จะทำให้ SET มีความ “ผันผวน” มากขึ้นกว่าที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวที่ 1,516-1,530 จุด

แนะนำ “ซื้อ” Consumption plays ในจังหวะที่ SET “ผันผวน” มองผลดีจากมาตรการลดหย่อนภาษี 15,000 ปลายปีนี้หนุนยอดขายปลายปี, ขณะที่คาดการณ์กำไรกลุ่มสื่อ-ค้าปลีก เติบโตสูง 63% และ 27% ในปีหน้า

1) “ซื้อ” Consumption, และ Infrastructure Plays : CPALL BJC (ยืน EMA 3 เดือน, FTSE SET Large-cap เพิ่มน้ำหนักลงทุนวันนี้) WORK (TradeCode ให้เป้าหมาย 44 และ 46 บาท) PLANB CK

2) “ซื้อ” โรงกลั่น : ESSO เป้าหมาย 15.50 บาท GRM สูง US$6.5/bbl ปีหน้า, ได้ผลดีจาก crude premium ที่ลดลง (ต้าน 13.8/15.0)

 

บล.กรุงศรี ระบุในบทวิเคราะห์ (16 ธ.ค.) คาดตลาดหุ้นไทยเคลื่อนไหวแกว่งตัวรอปัจจัยบวกใหม่ แรงขายของนักลงทุนต่างชาติคาดว่าจำกัด เนื่องจากปัจจุบันสัดส่วนการถือครองหุ้นไทยต่ำสุดในรอบ 7 ปีที่ 30.8% ของ Market cap. และส่วนที่ซื้อสุทธิมาแต่ต้นปีก็เหลือแค่ 77,583 ล้านบาท นอกจากนี้คาดจะเห็นแรงซื้อกลับของนักลงทุนสถาบันในประเทศจากเม็ดเงิน LTF ที่รอซื้ออยู่ไม่ต่ำกว่า 1 หมื่นล้านบาท

ในช่วงนี้แนะนำนักลงทุนให้เน้นการลงทุนโดยเน้นเลือกตัวหุ้นที่ได้ประโยชน์จากราคาโภคภัณฑ์ปรับตัวสูงขึ้น (กลุ่ม PTT, STA), หุ้นที่มีรายได้สกุลดอลลาร์ ได้แก่ กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ (KCE, HANA) กลุ่มผู้ส่งออกอาหาร (TWPC, CPF) และกลุ่มท่องเที่ยว (MINT) และหุ้นที่มีประเด็นเฉพาะตัว เช่น กลุ่มธนาคาร (SCB, KTB, TISCO) ที่ได้ประโยชน์จากกรณีการจัดชั้นสินเชื่อ SSI ใหม่ รวมถึงหุ้นที่คาดว่าจะได้รับเข้าคำนวณในดัชนี SET50/SET100 รอบใหม่ ซึ่งจะประกาศในสัปดาห์นี้คาดจะมีแรงเก็งกำไรเช่นกัน หุ้นที่คาดว่าจะเข้า SET50 คือ SPRC PTG GL GLOBAL THAI และ SET100 TKN ESSO GFPT STA และ VIBHA

กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ : Selective buy

หุ้นเก็งกำไรระยะสั้น : TISCO (ซื้อ/เป้า 64.00 บาท) คุณภาพสินทรัพย์ดีขึ้นจากคุณภาพสินเชื่อ HP ที่ดีขึ้น การจัดชั้นสินเชื่อ SSI ใหม่ และอาจจ่ายปันผลสูงกว่าคาดที่ 2.50 บาทต่อหุ้น (Dividend yield 4.6%)

Back to top button