SET บ่ายแกว่งบวกลบ โบรกฯ ชู 9 หุ้นเด็ด มีปัจจัยหนุน
SET บ่ายแกว่งบวกลบ พร้อมให้แนวรับ 1,520 แนวต้าน 1,530 จุด ชู 9 หุ้นเด็ด มีปัจจัยหนุน โบรกฯชู 9 หุ้นเด็ด มีปัจจัยหนุน นำโดย STA, BJC, CPALL, BEAUTY, WORK, PLANB, CK, RS และ ESSO
ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์รายงานตลาดหุ้นไทยดัชนี SET ภาคเช้า (16 ธ.ค.) แกว่งแคบ โดยมีปัจจัยที่ศาลล้มละลายกลางเห็นชอบแผนฟื้นฟูกิจการ SSI เป็นบวกต่อหุ้นกลุ่มธนาคารที่เกี่ยวข้อง ขณะที่มองช่วงที่เหลือของปีคงไร้ประเด็นใหม่ นักลงทุนน่าจะโฟกัสไปที่ปีหน้า ทั้งนโยบายของว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐและการปรับขึ้นดอกเบี้ยของเฟด หรือทิศทางเศรษฐกิจไทยและโลก ส่วนตลาดหุ้นภูมิภาคเช้านี้เคลื่อนไหวทั้งบวก-ลบ แนวโน้มช่วงบ่ายน่าจะยังอยู่ในกรอบ ให้แนวรับ 1,520 แนวต้าน 1,530 จุด
นายธนเดช รังษีธนานนท์ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.อาร์เอชบี (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้แกว่งตัวอยู่ในกรอบแคบ โดยมีปัจจัยใหม่ของ บมจ.สหวิริยาสตีลอินดัสตรี (SSI) ที่ศาลล้มละลายกลางได้มีคำสื่งเห็นชอบด้วยแผนฟื้นฟูกิจการ และให้บริษัทเป็นผู้บริหารแทน ซึ่งน่าจะเป็นผลเชิงบวกต่อหุ้นกลุ่มธนาคารที่มีความเกี่ยวข้อง เช่น SCB,KTB และ TISCO ขณะเดียวกันตลาดฯน่าจะเทรดด้วยปัจจัยจาก LTF,RMF ด้วย
ทั้งนี้ ในช่วงที่เหลือของปีไม่น่าจะมีประเด็นใหญ่ ๆ ที่จะเข้ามาส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นแล้ว โดยนักลงทุนน่าจะโฟกัสในเรื่องของปีหน้าเป็นหลัก ทั้งนโยบายของประธานาธิบดีสหรัฐฯ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าจะเป็นไปในทิศทางไหน ,การปรับขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) รวมถึงทิศทางเศรษฐกิจไทยและเศรษฐกิจโลก
“วันนี้เทรดอยู่ในกรอบ คิดว่าไม่ได้มีอะไรใหม่ แต่จะมีประเด็นใหม่ที่เพิ่มเข้ามาเป็นบวก คือเรื่องของ SSI ขณะที่ข่าวใหญ่ ๆ ก็ผ่านไปแล้วในเรื่องของเฟด, การประชุมของกลุ่มโอเปคและนอกกลุ่มโอเปค แต่สิ่งที่อาจจะมีเซอร์ไพร์ ก็คือทิศทางดอกเบี้ยในปีหน้าที่อาจจะปรับขึ้นมากกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ อาจส่งผลต่อการขายสุทธิของต่างชาติออกมามากขึ้น แต่ก่อนหน้านี้ต่างชาติขายสุทธิออกมาพอสมควรแล้ว และเริ่มใกล้เข้าสู่ช่วงของวันหยุดยาวสิ้นปี ก็คิดว่าในช่วงที่เหลือไม่น่าจะมีอะไรแล้ว ซึ่งน่าจะเป็นเรื่องของปีหน้าแทน อย่างไรก็ตามภาพที่เห็นในวันนี้ตลาดน่าจะเทรดด้วยปัจจัย LTF,RMF หรือมองข้ามไปปีหน้าถึงทิศทางเศรษฐกิจ”
ขณะที่ตลาดอื่นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้เคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบ เนื่องจากยังไม่มีปัจจัยใหม่เข้ามา แนวโน้มการลงทุนในช่วงบ่ายนี้ คาดเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ โดยให้แนวรับ 1,520 จุด ส่วนแนวต้าน 1,530 จุด และจนถึงสิ้นปีมองดัชนีน่าจะเคลื่อนไหวอยู่ที่ระดับ 1,500-1,550 จุด
บล.ธนชาตระบุในบทวิเคราะห์ (16 ธ.ค.) ว่า SET ภาคเช้าแกว่งแคบ โดยการปรับสูงขึ้นของราคาน้ำมัน ส่งผลให้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ส่วนใหญ่ปรับสูงขึ้น รวมไปถึงราคายางส่งผลให้หุ้นกลุ่ม Commodity ทั้งน้ำมัน และยาง ปรับสูงขึ้นแข็งแกร่งกว่าตลาดในช่วงเช้าที่ผ่านมา แนะนำ “ซื้อ” STA เป้าหมายพื้นฐาน 27.0 บาท ได้รับผลดีจากการปรับสูงขึ้นของราคายางโดยตรง ขณะที่ภาพระยะกลาง-ยาว ยังชอบ Consumption + Infrastructure plays อย่าง BJC CPALL BEAUTY WORK PLANB (เป้าหมายพื้นฐาน 6.80 บาท คาดการณ์กำไรเติบโตเด่น +62% ในปี 2017 สูงเป็นอันดับ 2 ในกลุ่มรองจาก RS ขณะที่ทางเทคนิครอทะลุ 5.45/5.55 บาท จะมีเป้าหมายถัดไปที่ 5.90 บาท) และ CK ต่อไป
ในขณะเดียวกัน แนะนำ “ซื้อ” ESSO ด้วยเป้าหมายพื้นฐาน 15.50 บาท ต่อเนื่องจากเมื่อวานนี้ ได้ผลดีจากค่าการกลั่นสูง และ PE ต่ำสุดในกลุ่ม: เรามีมุมมองที่ดีต่อแนวโน้มค่าการกลั่นในภูมิภาค จากความต้องการน้ำมันกลั่นที่เพิ่มขึ้นมากกว่ากำลังการผลิตน้ำมันกลั่นที่เพิ่มขึ้นในภูมิภาคนี้ หรือคาดการณ์ค่าการกลั่นที่ US$6.5/bbl ในปี 2017-19 ขณะที่ส่วนต่างระหว่างราคาน้ำมันดิบชนิดเบา-ราคาน้ำมันดิบชนิดหนัก (Crude premium) ที่ลดลงทำให้ต้นทุนการซื้อน้ำมันของ ESSO ดีขึ้น และเป็นปัจจัยบวกต่ออัตรากำไร ขณะที่ทางเทคนิคมีเป้าหมายระยะสั้นที่ 13.8 หรือถัดไปที่ 15.0 บาท
สรุป 5 หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุดภาคเช้า
CPALL มูลค่าการซื้อขาย 1,150.03 ล้านบาท ปิดที่ 62.00 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท
PTT มูลค่าการซื้อขาย 868.31 ล้านบาท ปิดที่ 364.00 บาท เพิ่มขึ้น 2.00 บาท
JAS มูลค่าการซื้อขาย 599.09 ล้านบาท ปิดที่ 8.65 บาท เพิ่มขึ้น 0.10 บาท
CPF มูลค่าการซื้อขาย 581.85 ล้านบาท ปิดที่ 27.75 บาท เพิ่มขึ้น 0.25 บาท
PTTGC มูลค่าการซื้อขาย 502.20 ล้านบาท ปิดที่ 63.25 บาท เพิ่มขึ้น 0.75 บาท