SET บ่ายแกว่งแคบ-ติดตามประชุมกนง.วันนี้แนะ “ซื้อ” WORK ชูเป้า 52 บ. มีปัจจัยหนุน

SET บ่ายแกว่งแคบ-ติดตามประชุมกนง.คาดคงดอกเบี้ย 1.5% พร้อมให้แนวรับ 1,490-1,500 แนวต้าน 1,530-1,535 จุด


ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์รายงานตลาดหุ้นไทยดัชนี SET ภาคเช้า (21 ธ.ค.) แกว่งแคบวอลุ่มเทรดลดลง เหตุนักลงทุนชะลอช่วงเข้าใกล้เทศกาลคริสต์มาส-ปีใหม่ แนะติดตาม กนง.วันนี้คาดคงดอกเบี้ย 1.5% ด้านตลาดภูมิภาคส่วนใหญ่แกว่งแคบแดนบวก รอตัวเลขสรุป GDP สหรัฐไตรมาส 3/59 คืนพรุ่งนี้ บายนี้ตลาดฯคงแกว่งแคบต่อไป พร้อมให้แนวรับ 1,490-1,500 แนวต้าน 1,530-1,535 จุด

นายเอกภาวิน สุนทราภิชาติ ผู้จัดการฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บล.ไทยพาณิชย์ เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้แกว่งแคบ วอลุ่มเทรดน้อยลง เนื่องจากนักลงทุนเริ่มชะลอการลงทุนกันแล้วหลังเข้าใกล้ช่วงเทศกาลคริสต์มาส และปลายปี อย่าไงรก็ดีให้ติดตามการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) วันนี้คาดคงอัตราดอกเบี้ยที่ 1.5% ซึ่งก็ไม่มีผลต่อตลาดฯ

ด้านตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่แกว่งแคบในแดนบวก รอติดตามตัวเลข GDP งวดไตรมาส 3/59 ของสหรัฐฯ ซึ่งจะประกาศเป็นครั้งสุดท้ายในคืนวันพรุ่งนี้ (22 ธ.ค.) แนวโน้มการลงทุนในช่วงบ่ายนี้ ตลาดฯคงแกว่งแคบ พร้อมให้แนวรับ 1,490-1,500 จุด ส่วนแนวต้าน 1,530-1,535 จุด 

 

บล.ธนชาตระบุในบทวิเคราะห์ (21 ธ.ค.) ว่า SET ภาคเช้าเคลื่อนไหวแคบที่บริเวณแนวรับ 1,510 +/- จุด แม้ยังไม่เห็น Technical Rebound อย่างที่คาดการณ์ไว้ในช่วงเข้าที่ผ่านมา แต่อย่างน้อย SET สามารถยืนได้เหนือแนวรับ 1 เดือนที่ 1,510 +/- จุด ขณะที่ภาพระยะสัปดาห์เรามีความกังวลมากขึ้นต่อแนวโน้มการ “พักฐาน” ของ SET จาก 1) กระแสเงินทุนผันผวนมากขึ้น หลัง Fed มีมุมมองบวกเพิ่มขึ้นต่อสถานการณ์การจ้างงานในสหรัฐฯ ส่งผลค่าเงินดอลลารืฯ แข็งค่าขึ้นเร็วเทียบกับสกุลเงินหลักอื่นๆ และค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลงเร็ว

และ 2) การปรับสูงขึ้นของ bond yield ส่งผลให้ความน่าสนใจในการลงทุนหุ้น เทียบกับตราสารหนี้มีความน่าสนใจลดลง ซึ่งเห็นได้จาก earnings yield gap ที่ปรับลดลงมากที่ 3.3-4.0% ในปี 2016-17 (ยิ่งสูงการลงทุนในหุ้นยิ่งน่าสนใจ) เทียบกับค่าเฉลี่ยตั้งแต่ปี 2011-2016 ที่ 4.0%

ในขณะเดียวกัน แนะนำ “ซื้อ” WORK ด้วยเป้าหมายพื้นฐาน 52 บาท มองเป็น Turnaround play ที่น่สนใจ ด้วยกำไรที่กลับมาเติบโตแข็งแกร่ง 268% ในปี 2560 และเติบโตต่อเนื่อง 45% ในปี 2561 จาก 1) การปรับขึ้นค่าโฆษณาขึ้นตั้งแต่ ไตรมาส 1/60 ส่งผลให้กำไรเติบโตแกร่งทั้ง y-y และ q-q (ฐานต่ำจากช่วงไว้ทุกข์ปลายปี รวมไปถึง event และ concert ที่ชะลอไปยัง ไตรมาส 1/60) 2) Rating ที่ดีขึ้นเป็นอันดับ 3 ในอุตสาหกรรมเป็นรองเพียงช่อง 7 และ 3 ทำให้สามารถปรับขึ้นค่าโฆษณาได้ 20% ในปีหน้า ส่งผลกำไรเติบโต 268% ในปี 2560 3) โอกาสในการหารายได้เพิ่มจากสื่อ online อื่นๆ เช่น YouTube, Facebook และ LINE ซึ่งคาดว่าจะเริ่มสร้างรายได้ที่ 50 ล้านบาทในปี 2016 และเพิ่มเป็น 100 ล้านบาทในปี 2560 ทางเทคนิคเป้าหมายระยะสั้นที่ 47 หรือ 49.5 บาท

 

สรุป 5 หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุดภาคเช้า

GL มูลค่าการซื้อขาย 3,829.42 ล้านบาท ปิดที่  58.50 บาท ลดลง  1.00 บาท

AOT มูลค่าการซื้อขาย   868.32 ล้านบาท ปิดที่ 389.00 บาท ลดลง  2.00 บาท

STA มูลค่าการซื้อขาย   538.81 ล้านบาท ปิดที่  21.10 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท

PTTEP มูลค่าการซื้อขาย   466.20 ล้านบาท ปิดที่  91.25 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท

JAS มูลค่าการซื้อขาย   379.39 ล้านบาท ปิดที่   7.95 บาท เพิ่มขึ้น 0.20 บาท

Back to top button