SET ขึ้นได้อีก น้ำมันดิบฟื้น-บาทแข็งหนุนจับตาหุ้นรับปัจจัยบวกหลังน้ำท่วมภาคใต้
นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทยวันนี้มีโอกาสปรับตัวขึ้นต่อ โดย Fund Flow ต่างชาติยังไหลเข้า แม้เมื่อวานแรงซื้อชะลอตัว นอกจากนี้ดัชนียังได้แรงหนุนจากการฟื้นตัวของราคาน้ำมันดิบและทิศทางค่าเงินบาทที่แข็งค่า การลงทุนเน้นกลุ่มที่แนวโน้มผลประกอบการดี และได้ปัจจัยบวกจากการซ่อมแซมหลังจากภัยน้ำท่วมภาคใต้
ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์ รายงาน เช้านี้ ณ เวลา 9.22 น. ค่าเงินบาทอยู่ที่ 35.30 บาทต่อเหรียญ ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็นส่วนใหญ่ตามทิศทางของตลาดหุ้นนิวยอร์ก ขานรับดัชนี NASDAQ ทำสถิติปิดที่ระดับสูงสุดติดต่อกันเป็นวันที่ 5 รวมถึงการที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ ประกาศเจตนารมณ์ที่จะสร้างงานครั้งใหญ่ในสหรัฐ
นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทยวันนี้มีโอกาสปรับตัวขึ้นต่อ โดย Fund Flow ต่างชาติยังไหลเข้า แม้เมื่อวานแรงซื้อชะลอตัว นอกจากนี้ดัชนียังได้แรงหนุนจากการฟื้นตัวของราคาน้ำมันดิบและทิศทางค่าเงินบาทที่แข็งค่า การลงทุนเน้นกลุ่มที่แนวโน้มผลประกอบการดี และได้ปัจจัยบวกจากการซ่อมแซมหลังจากภัยน้ำท่วมภาคใต้ หุ้นเด่นเลือก PLANB-IRPC-TASCO-TWP-ASEFA-CTW-BR-BEAUTY และ PTL
บล.แอพเพิล เวลธ์ ระบุในบทวิเคราะห์ (12 ม.ค.) การซื้อขายช่วงเช้าวานนี้ปรับเพิ่มขึ้นรับประเด็นบวก World Bank คาดการณ์เศรษฐกิจโลกปีนี้มีโอกาสฟื้นตัวที่ระดับ 2.7% ขณะที่ถ้อยแถลงนายทรัมป์วานนี้ยังมุ่งเน้นการสร้างงานในสหรัฐ โดย World Bank คาดเศรษฐกิจสหรัฐมีโอกาสเติบโตที่ระดับ 2.2 – 2.5 %
กลยุทธ์การลงทุน ประเมินทิศทางดัชนี SET เช้านี้ได้แรงหนุนจากการฟื้นตัวของราคาน้ำมันและทิศทางค่าเงินบาทเช้านี้แข็งค่าที่ระดับ 35.40 บาท /ดอลลาร์ โดยวางจุดสังเกตุหากดัชนียืนเหนือระดับ 1,575 จุดได้ คาดทิศทางดัชนียัง Sideway Up ขึ้นไปที่แนวต้าน 1,600 จุด แนะนำซื้อหุ้นที่คาดได้ผลบวกจากการซ่อมแซมหลังจากภัยน้ำท่วมภาคใต้ เช่น TASCO, TWP, ASEFA และ CTW
บล.ธนชาต ระบุในบทวิเคราะห์ (12 ม.ค.) ว่า ราคาน้ำมันดิบ Brent ฟื้นตัว +2.7% และคาดการณ์ผลการดำเนินงานกลุ่มสถาบันการเงินแข็งแกร่ง หนุนตลาดหุ้น Dow Jones +0.50% เมื่อคืนนี้ ประกอบกับนักลงทุนส่วนใหญ่ยัง Risk-on ต่อการลงทุนสินทรัพย์ เสี่ยงหนุน SET ปรับสูงขึ้นต่อวันนี้ ประเมินแนวต้านที่ 1,585 จุด เหมือนเดิม ขณะที่เลื่อน Trailing Stop ขึ้นมาที่ 1,562 จุด
ทำอะไรดี: แนะนำ “ซื้อ” Growth plays อย่าง STA WORK และ WHA (ดูเพิ่มใน Tactical Portfolio) ต่อเนื่อง นอกจากนี้ยังแนะนำ “ซื้อ”
1)”ซื้อ” PLANB: เป้าหมายพื้นฐาน 6.80 บาท (แนวต้าน 6.40-6.50) เม็ดเงินโฆษณาผ่านสื่อนอกบ้านเดือน ธ.ค.ฟื้นตัวแกร่ง +48.7% ขณะที่บริษัทเริ่มรับรู้รายได้จาก Sport marketing ตั้งแต่ปีนี้เป็นต้นไป หนุนกำไรเติบโตแกร่ง 62% ปีนี้ และ +39% ปี
2)”ซื้อ” IRPC: เป้าหมายพื้นฐาน 7.00 บาท (แนวต้าน 5.30/6.00 บาท) กำไร 4Q16 แข็งแกร่งจากค่าการกลั่นสูง รับรู้ผลจาก UHV เต็มไตรมาส ขณะที่การจ่ายเงินปันผลปีละครั้ง จะให้ Div Yield สูง 4.4%
บล.กรุงศรี ระบุในบทวิเคราะห์ (12 ม.ค.) คาด SET ยังเคลื่อนไหวในทิศทางขาขึ้นต่อไป ปัจจัยหนุนหลักยังเป็น Fund Flow ต่างชาติที่ยังไหลเข้าแม้เมื่อวานแรงซื้อจะชะลอตัวแต่ด้วยค่าเงินบาทที่ยังแข็งค่าบ่งชี้ว่า Fund Flow ยังไม่ได้ไหลออก ขณะที่วันนี้หุ้นในกลุ่มหลัก อาทิ พลังงาน และ ธนาคารต่างมี Sentiment เชิงบวก Support โดยพลังงานรับข่าวราคาน้ำมันดิบกลับมาบวกแรงหลังจากซาอุฯส่งสัญญาณลดการส่งมอบน้ำมันดิบให้กับลูกค้า
ขณะที่กลุ่มธนาคารรับข่าวบวก TISCO ประกาศงบออกมาดีตามคาดและ NPL มีสัญญาณลดลง ขณะที่กลุ่มอสังหาฯ Valuation ยังไม่แพงโดยทั้งกลุ่มซื้อขายบน PE เฉลี่ยต่ำกว่า 10 เท่า ขณะที่หลายตัวจ่าย Dividend ให้ผลตอบแทนต่อปีสูงเกิน 5% อาทิ LH LPN PSH QH และ SPALI ทำให้หุ้นในกลุ่มนี้จะเป็นเป้าในการเข้าซื้อเพื่อหวังผลตอบแทนในระยะกลางถึงยาว
กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ : Selective buy
หุ้นเก็งกำไรระยะสั้น : BR (ซื้อ/เป้า 7.50 บาท) คาดผลประกอบการผ่านจุดต่ำสุดมาแล้ว, BEAUTY (ซื้อ/เป้า 13.50 บาท) แนวโน้มกำไรทำสถิติสูงสุดต่อเนื่อง, PTL (ซื้อเก็งกำไร) ราคาหุ้นยัง Laggard หากเทียบกับหุ้น Polypex ในอินเดีย