SET ผันผวน ระวังแรงขายท้ายสัปดาห์เลือกเก็บ 9 บจ.เทรนด์สวย เน้นเล่นสั้น

นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทยวันนี้ผันผวนตามต่างประเทศและมีโอกาสลงไปทดสอบแนวรับที่ระดับ 1,560 จุด หลังตลาดผิดหวังแถลงการของ โดนัลด์ ทรัมป์ ขณะที่ยังไม่มีปัจจัยใหม่ชี้นำทิศทางตลาด นอกจากนี้นักลงทุนเริ่มไม่มั่นใจต่อทิศทางของ Fund Flow หลังวานนี้ต่างชาติขายสุทธิในตลาดหุ้นไทยเป็นวันแรกในรอบ 9 วันทำการ การลงทุนยังคงเน้นกลุ่มที่แนวโน้มผลประกอบการดีเป็นหลีก หรือเลือกเก็งกำไรในหุ้นรายตัว


ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์ รายงาน เช้านี้ ณ เวลา 9.26 น. ค่าเงินบาทอยู่ที่ 35.36 บาทต่อเหรียญ ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียผันผวน โดยบางส่วนปรับตัวลงเนื่องจากผิดหวังกับการแถลงข่าวของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ ที่ไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ส่วนตลาดหุ้นญี่ปุ่นดีดตัวขึ้นจากแรงช้อนซื้อของนักลงทุน หลังหุ้นร่วงหนักในช่วงหลายวันก่อน

นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทยวันนี้ผันผวนตามต่างประเทศและมีโอกาสลงไปทดสอบแนวรับที่ระดับ 1,560 จุด หลังตลาดผิดหวังแถลงการของ โดนัลด์ ทรัมป์ ขณะที่ยังไม่มีปัจจัยใหม่ชี้นำทิศทางตลาด นอกจากนี้นักลงทุนเริ่มไม่มั่นใจต่อทิศทางของ Fund Flow หลังวานนี้ต่างชาติขายสุทธิในตลาดหุ้นไทยเป็นวันแรกในรอบ 9 วันทำการ การลงทุนยังคงเน้นกลุ่มที่แนวโน้มผลประกอบการดีเป็นหลีก หรือเลือกเก็งกำไรในหุ้นรายตัว

หุ้นเด่นเลือก IRPC-BANPU-PTTEP-WHA-TACC-PAP-SCN-SPRC และ TWPC

 

นายประกิต สิริวัฒนเกตุ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.กสิกรไทย เผิดเผยถึงตลาดหุ้นไทยเช้านี้มีโอกาสที่จะปรับตัวลงได้ เนื่องจากตลาดฯขาดปัจจัยขับเคลื่อน และในช่วงที่ผ่านมา Fund Flow ก็เข้ามามากแล้ว ขณะเดียวกับมองว่าสัปดาห์หน้าอาจได้เห็นการกลับขาของเงินบาท โดยเงินบาทมีโอกาสที่จะอ่อนค่าลงได้ ขณะที่เงินดอลลาร์สหรัฐฯก็อาจได้แรงซื้อกลับทำให้แข็งค่าขึ้น ซึ่งก็เป็นการกระตุ้นให้เกิด Fund Flow ไหลออกจากตลาดเกิดใหม่ (Emerging Market)

ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่จะติดลบเล็กน้อย โดยยังแนะนำหุ้นที่ยังถูกอยู่อย่างหุ้น SCB และหุ้นที่เป็น Global plays อย่างหุ้น PTTEP และหุ้น BANPU

พร้อมให้กรอบการแกว่งไว้ที่ 1,560 – 1,572 จุด

 

บล.ธนชาต ระบุในบทวิเคราะห์ (13 ม.ค.) ตลาดผิดหวังถ้อยแถลงทรัปม์ เมื่อคืนนี้ที่ไม่ได้มีการชี้แจงรายระเอียดนโยบายเศรษฐกิจมากนัก กดดัน Dow Jones ปรับลดลง 0.32% เมื่อคืนนี้ แต่ราคาน้ำมันดิบ Brent ที่ปรับสูงขึ้น +1.7% จะเป็น Downside protection ที่แนวรับ 1,564 จุด อย่างไรก็ตาม ยังมอง Reward to Risk ของตลาดไม่ได้น่าสนใจมากนัก เนื่องจาก Valuation ที่ PE 15 เท่า สูงกว่าค่าเฉลี่ยในอดีต, Bond yield ระยะ 12 เดือนข้างหน้ายังเร่งตัวขึ้น โดยมองการ “พักฐาน” ของ bond yield ในช่วง 1-2 สัปดาหี่ผ่านมาเป็นเพียงระยะสั้นเท่านั้น

คาด Growth Plays ที่กำไรไตรมาส 4/16 ออกมาดีจะ Outperform แนะนำ 1)”ซื้อ” IRPC : พื้นฐาน 7.0 บาท (แนวต้าน 5.6/6.0 บาท) กำไรไตรมาส 4/16 แข็งแกร่งจากค่าการกลั่นสูง รับรู้ผลจาก UHV เต็มไตรมาส ขณะที่การจ่ายเงินปันผลปีละครั้ง จะให้ Div Yield สูง 4.4%

2) “ซื้อ” WHA: พื้นฐาน 3.80 บาท (แนวต้าน 3.34 บาท) กำไรไตรมาส 4/16 จะออกมาดี, นำบริษัท WHAUP เข้าตลาดหนุน Sentiment 1-2 เดือนข้างหน้า และ กำไร 2017 เติบโต +45% (ดูเพิ่มใน Tactical Portfolio)

 

บล.กรุงศรี ระบุในบทวิเคราะห์ (13 ม.ค.) SET จะยังเคลื่อนไหวผันผวนและมีโอกาสลงไปทดสอบแนวรับที่ระดับ 1,560 จุด เนื่องจากนักลงทุนเริ่มไม่มั่นใจต่อทิศทางของ Fund Flow หลังจากที่วานนี้นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิในตลาดหุ้นไทยเป็นวันแรกในรอบ 9 วันทำการ ประกอบกับเราคาดว่านักลงทุนบางส่วนอาจจะเลือกขายทำกำไรหรือขายเพื่อลดความเสี่ยงก่อนที่จะเข้าสู่ช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ และวันนี้ยังต้องติดตามรายงานตัวเลขการส่งออกและนำเข้าของจีนเดือน ธ.ค. ในช่วงเวลา 9.00 น.ตามเวลาของบ้านเรา เนื่องจากจะเป็นสัญญาณบ่งชี้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีนและเศรษฐกิจโลกและอาจจะเป็นปัจจัยชี้นำการขึ้นลงของดัชนีในภูมิภาคและตลาดหุ้นบ้านเราในวันนี้ส่วนช่วงเย็นจะมีการแสดงความเห็นของนางเยลเลนประธานเฟดซึ่งจะมีผลต่อแนวโน้มการลงทุนในสัปดาห์หน้า

กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ : Selective buy

หุ้นเก็งกำไรระยะสั้น : TACC (ซื้อ/เป้า 10.00 บาท) รับผลบวกเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่หนุนกำไรปีนี้โตต่อเนื่อง, TWPC (ซื้อ/เป้าใหม่ 11.00 บาทเดิม 10.00 บาท) คาดกำไรสุทธิไตรมาส 4/16 ทำ Newhigh ต่อเนื่อง

 

บล.เคทีบี (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ (13 ม.ค.) คาดตลาดยังเป็นขาขึ้น แต่มีปัจจัยถ่วงจึงมีการพักตัว จึงทำให้การลงทุนส่วนใหญ่เป็นการเข้ามาเก็งกำไรช่วงสั้นๆ นักลงทุนอาจเลือกขายทำกำไรหุ้นที่ราคาปรับตัวขึ้นมามากในช่วง 1-2 สัปดาห์นี้ ที่ส่วนใหญ่จะเป็นหุ้นที่เป็น Laggard ของตลาด จุดที่จะบอกว่าการพักตัวสิ้นสุด เรามอง่วา น่าจะเป็นระดับที่ดัชนีฯสามารถยืนเหนือ 1,575 จุด ได้ ในการเก็งกำไรช่วงสั้น หุ้นที่คาดว่าอาจได้รับความสนใจจากนักลงทุน อาทิเช่น PAP, SCN และ SPRC

Back to top button