SET บ่ายแกว่งไซด์เวย์-ติดตามประกาศงบแบงก์ Q4โบรกฯ แนะ “ซื้อ” WORK เป้า 52 บ. ปัจจัยหนุนเพียบ

ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์รายงานตลาดหุ้นไทยดัชนี SET ภาคเช้า (16 ม.ค.) แกว่งไซด์เวย์ อิงทางลง หลังยังไร้ปัจจัยทั้งด้านบวก-ลบที่เด่นชัด ขณะเดียวกันนักลงทุนระวังมากขึ้นในการรอรับความเปลี่ยนแปลงหลัง”ทรัมป์”จะเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐฯ ในวันที่ 20 ม.ค.นี้ นอกจากนี้ ตลาดฯได้ขึ้นมาในระดับหนึ่งแล้ว ขณะที่ค่าเงินยังผันผวนค่อนข้างมาก ด้านต่างชาติก็เริ่มชะลอลงทุนเพื่อรอปัจจัยใหม่ ส่วนในประเทศให้ติดตามการประกาศงบการเงินไตรมาส 4/59  ของกลุ่มแบงก์ที่ทยอยออกมา ซึ่งคาดว่าจะดีขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน บ่ายนี้ตลาดฯคงแกว่งไซด์เวย์ พร้อมให้กรอบการแกว่งไว้ที่ 1,565-1,585 จุด

 

น.ส.ธีรดา ชาญยิ่งยงค์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้แกว่งไซด์เวย์ อิงทางลง เนื่องจากตลาดฯไม่มีปัจจัยอะไรเข้ามาทั้งในด้านบวก-ลบที่เด่นชัด ขณะเดียวกันนักลงทุนก็มีความระวังมากขึ้นในการรอรับความเปลี่ยนแปลงหลังนายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่กำลังจะเข้ารับตำแหน่งในวันที่ 20 ม.ค.นี้

นอกจากนี้ ตลาดฯได้ขึ้นมาในระดับหนึ่งแล้ว ขณะที่ค่าเงินยังผันผวนค่อนข้างมาก ด้านนักลงทุนต่างชาติที่ได้เข้าซื้อมาในช่วงก่อนหน้านี้ตอนนี้ก็เริ่มชะลอการลงทุนเพื่อรอปัจจัยใหม่ ดังนั้น จึงมอง Upside มีจำกัด พร้อมให้ระวัง Negative Surprise จากปัจจัยนอกประเทศเป็นส่วนใหญ่ ส่วนปัจจัยในประเทศขณะนี้ก็ให้ทยอยติดตามการประกาศผลการดำเนินงานไตรมาส 4/59 ของกลุ่มแบงก์ ซึ่งก็คาดว่าจะดีขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แนวโน้มการลงทุนในช่วงบ่าย ตลาดฯคงจะแกว่งไซด์เวย์ พร้อมกรอบการแกว่งไว้ที่ 1,565-1,585 จุด

 

บล.ธนชาต ระบุในบทวิเคราะห์ (16 ม.ค.) SET ผันผวนมากขึ้นก่อนทรัมป์เข้ารับตำแหน่งสัปดาห์นี้ แม้ Momentum ตลาดยังไม่เสียหายสามารถยืนได้เหนือ Trailing Stop ที่ 1,566 จุด อย่างไรก็ดี เรามีความกังวลมากขึ้นต่อความ “ผันผวน” ของ SET ก่อนการเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีของทรัมป์ ในวันที่ 20 ม.ค.นี้ รวมไปถึง Valuation ของ SET ที่ PE 15x สูงกว่าค่าเฉลี่ยในอดีต ขณะที่ Bond yield กำลังเร่งตัวขึ้น…ทั้งนี้เราแนะนำให้กำหนด Trailing stop หรือ “จุดจำกัดขาดทุน” ที่ 1,566 จุด เพื่อเป็นจุดตัดสินใจในการ “ลดพอร์ต” เพื่อลดความเสี่ยงจากความผันผวนระยะสั้น

ในขณะเดียวกัน แนะนำWORK ด้วยเป้าหมายพื้นฐาน 52 บาท จาก 1) แม้ผลการดำเนินงาน 4Q16 จะไม่น่าประทับใจมากนัก แต่ไม่ surprise ขณะที่คาดการณ์กำไรปี 2017 จะเติบโต +268% ที่ 502 ล้านบาท จากเม็ดเงินโฆษณาที่เพิ่มขึ้น และการปรับราคาค่าโฆษณาเป็น 60,000 บาท/นาที หรือ +20% จากปีก่อน 2) มีโอกาศทำรายได้ผ่านสื่อออนไลน์เพิ่มขึ้น โดยปัจจุบันมีการถ่ายทอดผ่านสื่อออนไลน์อย่าง YouTube, Facebook และ Line ซึ่งคาดว่าจะมีรายได้จากส่วนนี้ประมาณ 50 ล้านบาทในปี 2016 และเพิ่มขึ้น 100 ล้านบาทในปี 2017 และ 3) ถ้าพิจารณาในทางเทคนิคราคาหุ้นทำ New high ระยะสั้นไปแล้ว มีแนวโน้มปรับสูงขึ้นต่อไปที่ All time high ช่วงต้นปี 2015 ที่ 49.50 บาท หรือสูงกว่านั้น

 

ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่

PTTGC  มูลค่าการซื้อขาย 1,293.73 ล้านบาท ปิดที่  65.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.50 บาท

JAS   มูลค่าการซื้อขาย 1,278.15 ล้านบาท ปิดที่   8.85 บาท เพิ่มขึ้น 0.05 บาท

AMATA  มูลค่าการซื้อขาย   741.72 ล้านบาท ปิดที่  14.30 บาท เพิ่มขึ้น 1.20 บาท

PTL   มูลค่าการซื้อขาย   722.51 ล้านบาท ปิดที่  19.20 บาท เพิ่มขึ้น 0.20 บาท

TASCO  มูลค่าการซื้อขาย   661.77 ล้านบาท ปิดที่  23.90 บาท เพิ่มขึ้น 0.70 บาท