SET บ่ายแกว่งตัว-ติดตามทยอยประกาศงบแบงก์โบรกฯ แนะ “ซื้อ” IRPC เป้า 7 บาท มีปัจจัยหนุน

SET บ่ายแกว่งตัว-ติดตามทยอยประกาศงบแบงก์และ "ทรัมป์" รับตำแหน่งปธน.สหรัฐวันศุกร์นี้ พร้อมให้แนวรับ 1,567-1,560 แนวต้าน 1,575-1,580 จุด โบรกฯ แนะ "ซื้อ" IRPC ชูเป้า 7 บาท ลุ้นผลการดำเนินงาน Q4/59 โตแกร่งจากค่าการกลั่น (GRM) ที่อยู่ในระดับสูง


ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์รายงานตลาดหุ้นไทยดัชนี SET ภาคเช้า (17 ม.ค.)แกว่งตัวมี upside จำกัด ขณะรอนายกฯอังกฤษแถลง Brexit อาจกดดันบรรยากาศลงทุน ด้านตลาดภูมิภาคเช้านี้ส่วนใหญ่แกว่งบวกเล็กน้อย ตลาดบ้านเราได้แรงหนุนหุ้นขนาดกลางปรับขึ้น ส่วนกลุ่มแบงก์ พลังงานทรงตัว แนะติดตามการทยอยประกาศงบฯกลุ่มแบงก์ และ”ทรัมป์”รับตำแหน่งปธน.สหรัฐศุกร์นี้ บ่ายตลาดฯคงยังแกว่งตัวต่อ ให้แนวรับ 1,567-1,560 แนวต้าน 1,575-1,580 จุด

นายเอกภาวิน สุนทราภิชาติ ผู้จัดการฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บล.ไทยพาณิชย์ เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้แกว่งตัวมี upside จำกัด เนื่องจากตลาดฯกำลังรอปัจจัยคืนนี้นายกรัฐมนตรีอังกฤษจะแถลงเรื่องการแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) ซึ่งต้องติดตามอย่างใกล้ชิดเพราะอาจมีผลกดดันตลาดฯ จากเงินทุนที่อาจไหลออกจากสินทรัพย์เสี่ยง โดยตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่แกว่งตัวในแดนบวกเล็กน้อย

ทั้งนี้ ตลาดบ้านเราได้แรงหนุนจากหุ้นขนาดกลางที่ปรับตัวขึ้น ขณะที่หุ้นในกลุ่มแบงก์และกลุ่มพลังงานทรงตัว อย่างไรก็ดียังต้องติดตามการทยอยประกาศผลประกอบการของหุ้นในกลุ่มแบงก์ และยังต้องติดตามนายโดนัลด์ ทรัมป์ ที่จะเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐฯในวันศุกร์นี้ ทำให้ตลาดฯอาจมีการเคลื่อนไหวชัดเจนขึ้น แนวโน้มการลงทุนในช่วงบ่ายนี้ ตลาดฯอาจยังมี upside ที่จำกัดอยู่ พร้อมให้แนวรับ 1,567-1,560 จุด ส่วนแนวต้าน 1,575-1,580 จุด

 

บล.ธนชาต ระบุในบทวิเคราะห์ (17 ม.ค.) SET เคลื่อนไหวแคบด้วยปริมาณการซื้อขายลดลง ก่อนการเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีของทรัมป์ ในวันที่ 20 ม.ค.นี้ รวมไปถึง Valuation ของ SET ที่ PE 15x สูงกว่าค่าเฉลี่ยในอดีต ขณะที่ Bond yield กำลังเร่งตัวขึ้นทั้งนี้เราแนะนำให้กำหนด Trailing stop หรือ “จุดจำกัดขาดทุน” ที่ 1,568 จุด เพื่อเป็นจุดตัดสินใจในการ “ลดพอร์ต” เพื่อลดความเสี่ยงจากความผันผวนระยะสั้น

ในขณะเดียวกัน แนะนำ “ซื้อ” IRPC พื้นฐาน 7.00 บาท จาก 1) ผลการดำเนินงานไตรมาส 4/59 มีแนวโน้มออกมาแข็งแกร่งจากค่าการกลั่น (GRM) ที่อยู่ในระดับสูง และรับรู้ผลบวกจากโครงการ UHV เต็มไตรมาสเป็นครั้งแรก คาดกำไรปี 2559 เติบโต +122% ที่ 1.05 หมื่นล้านบาท 2) แนวโน้มค่าการกลั่น และส่วนต่างระหว่างราคาผลิตภัณฑ์ปิโตรกับวัตถุดิบอยู่ในระดับสูงต่อเนื่องในปี 2560 จาก Demand ที่เพิ่มขึ้นมากกว่า Supply รวมไปถึงการเพิ่มกำลังการผลิต Polypropylene กลางปี สนับสนุนการเติบโตกำไรต่อเนื่อง +17% ปีนี้เป็น 1.23 หมื่นล้านบาท 3) Valuation ถูก ด้วย PE 8.7x และปันผล 4.4-5.7% ขณะที่ทางเทคนิคทำ Breakout แนวต้านระยะสัปดาห์ เป้าหมายระยะสั้นที่ 5.45 บาท และระยะสัปดาห์ที่ 6.00 บาท

 

ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่

TRUE  มูลค่าการซื้อขาย 1,456.99 ล้านบาท ปิดที่   7.00 บาท ลดลง  0.10 บาท

PTTGC  มูลค่าการซื้อขาย 1,223.41 ล้านบาท ปิดที่  65.00 บาท ลดลง  0.25 บาท

PTL   มูลค่าการซื้อขาย   740.23 ล้านบาท ปิดที่  18.60 บาท ลดลง  0.60 บาท

SCB   มูลค่าการซื้อขาย   674.10 ล้านบาท ปิดที่ 156.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท         

CPALL  มูลค่าการซื้อขาย   658.02 ล้านบาท ปิดที่  61.75 บาท เพิ่มขึ้น 0.25 บาท 

Back to top button