SET บ่ายแกว่งตัว-ตลาดจับตาดูนโยบาย “ทรัมป์”โบรกฯ เชียร์ “ซื้อ” TMB เป้า 2.56 บ. มีปัจจัยหนุน

SET บ่ายแกว่งตัว-ตลาดจับตาดูนโยบาย "ทรัมป์" หลังจะเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐ ในวันที่ 20 ม.ค.นี้ พร้อมให้แนวรับ 1,566-1,550 แนวต้าน 1,572-1,585 จุด โบรกฯ เชียร์ “ซื้อ” TMB เป้า 2.56 บ. มีปัจจัยหนุน


ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์รายงานตลาดหุ้นไทยดัชนี SET ภาคเช้า (18 ม.ค.) แกว่งแคบคล้ายตลาดภูมิภาคที่ส่วนใหญ่จะเคลื่อนไหวในแดนบวก ขณะที่ตลาดรอดูนโยบายของนายโดนัลด์ ทรัมป์หลังจะเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐ ในวันที่ 20 ม.ค.นี้ว่าจะสามารถเดินหน้าทำนโยบายตามที่ได้หาเสียงไว้ได้หรือไม่ นอกจากนี้ Valuation ของตลาดหุ้นไทยก็ถือว่าอยู่สูงแล้ว จึงต้องระวังการลงทุนด้วย บ่ายนี้ตลาดฯคงแกว่งตัว-มีโอกาสผันผวนได้มากขึ้น พร้อมให้แนวรับ 1,566-1,550 แนวต้าน 1,572-1,585 จุด

 

นายอดิศักดิ์ ผู้พิพัฒน์หิรัญกุล นักกลยุทธ์การลงทุน ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ธนชาต เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้แกว่งแคบ คล้ายคลึงกับตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียที่ส่วนใหญ่จะเคลื่อนไหวในแดนบวก โดยต่างก็รอดูนายโดนัลด์ ทรัมป์ หลังเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐฯแล้ว จะยังสามารถเดินหน้าทำนโยบายตามที่ได้หาเสียงไว้ได้หรือไม่

สำหรับเรื่องการที่สหราชอาณาจักรจะแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) นั้นยังต้องใช้เวลา ซึ่งระยะสั้นคงจะไม่มีผลต่อตลาดมากนัก ขณะที่ Valuation ของตลาดหุ้นไทยก็ถือว่าอยู่สูงแล้ว จึงต้องระวังการลงทุนด้วย 

แนวโน้มการลงทุนในช่วงบ่าย ตลาดคงจะแกว่งตัว และมีโอกาสที่จะผันผวนได้มากขึ้น พร้อมให้แนวรับ 1,566-1,550 จุด ส่วนแนวต้าน 1,572-1,585 จุด

 

บล.ธนชาต ระบุในบทวิเคราะห์ (18 ม.ค.) SET ฟื้นตัวเล็กน้อย จากผลการดำเนินงานหุ้นกลุ่มธนาคาร อย่าง KBANK และ TMB ออกมาดี โดย KBANK ประกาศกำไร 4Q16 ที่ 1.02 หมื่นล้านบาท +87% y-y และ -6% q-q ดีกว่าที่คาดจากต้นทุนการดำเนินงาน (Operating expenses) ที่ต่ำกว่าคาด ขณะที่แม้ NPL จะยังเพิ่มขึ้นแต่เพิ่มขึ้นด้วยอัตราเร่งที่ลดลงแล้ว

อย่างไรก็ดียังกังวลต่อความ “ผันผวน” ที่เพิ่มขึ้นในช่วง 1-2 สัปดาห์นี้ต่อไป เนื่องจาก 1) Valuation ของ SET ที่ “ไม่ถูก” และ 2) Implementation risk ของการนำนโยบายเศรษฐกิจทรัมป์ มาปฎิบัติจริงตั้งแต่รับตำแหน่ง 20 ม.ค.นี้

ในขณะเดียวกัน แนะนำ “ซื้อ” TMB เป้าหมายพื้นฐาน 2.56 บาท ด้วยปัจจัยสนับสนุนจาก 1) ผลการดำเนินงาน 4Q16 ที่ 2.1 พันล้านบาท +16% q-q เป็นการยืนยันมุมมองว่ากำไร 3Q16 จะเป็นจุดต่ำสุด และจะค่อยๆ ฟื้นตัวขึ้น 2) Balance sheet แข็งแรงขึ้นจาก NPL Ratio ที่ลดลงเหลือ 2.53% และด้วย Coverage Ratio สูงที่ 142% ทำให้คาดว่าจะไม่มีการตั้งสำรองมากขึ้นในปีนี้ 3)แม้สินเชื่อจะขยายตัวต่ำเพียง 2.2% ในปีที่ผ่านมา แต่คาดว่าจะเร่งตัวขึ้นในปีนี้ที่ 8-9% และ 4) คาดการณ์กำไรปี 2017 จะขยายตัว +10% ซึ่งเป็นการกลับมาเติบโตครั้งแรกในรอบ 3 ปี ขณะที่ถ้าพิจารณาในทางเทคนิคมีแนวโน้มแข็งแกร่งกว่าตลาด มีแนวต้านระยะสั้น 2.32 บาท คาดว่าจะทะลุไปได้มีเป้าหมายถัดไปที่ 2.40 บาท

 

ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด หลักทรัพย์ ได้แก่

CPALL  มูลค่าการซื้อขาย   970.29 ล้านบาท ปิดที่  60.50 บาท ลดลง  0.50 บาท

JAS   มูลค่าการซื้อขาย   710.09 ล้านบาท ปิดที่   8.85 บาท เพิ่มขึ้น 0.30 บาท

PTL   มูลค่าการซื้อขาย   628.10 ล้านบาท ปิดที่  18.80 บาท เพิ่มขึ้น 0.60 บาท

TRUE  มูลค่าการซื้อขาย   620.80 ล้านบาท ปิดที่   6.85 บาท ราคาไม่เปบี่ยนแปลง         

TMB   มูลค่าการซื้อขาย   559.09 ล้านบาท ปิดที่   2.32 บาท เพิ่มขึ้น 0.08 บาท           

Back to top button