เลือกสอย 18 หุ้นร้อน SET เสี่ยงปรับลงระวังแรงขายก่อน “ทรัมป์” เผยนโยบายศก.
นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทยวันนี้ยังเคลื่อนไหวผันผวนและมีโอกาสปรับตัวลง แม้ภาคเช้าตลาดจะยังได้ปัจจัยบวกจากการฟื้นตัวของดัชนีต่อเนื่องจากวานนี้ แต่ภาคบ่ายคาดว่าจะมีแรงขายทำกำไรเพื่อลดความเสี่ยงก่อนที่ นายโดนัล ทรัมป์ จะขึ้นรับตำแหน่งประธานาธิบดีและประกาศนโยบายเศรษฐกิจในคืนวันนี้
ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์ รายงาน เช้านี้ ณ เวลา 9.20 น. ค่าเงินบาทอยู่ที่ 35.31 บาทต่อเหรียญ ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลงตามทิศทางของตลาดหุ้นนิวยอร์ก เนื่องจากนักลงทุนชะลอการซื้อขายก่อนที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ จะทำพิธีสาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐในวันนี้ตามเวลาสหรัฐ
นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทยวันนี้ยังเคลื่อนไหวผันผวนและมีโอกาสปรับตัวลง แม้ภาคเช้าตลาดจะยังได้ปัจจัยบวกจากการฟื้นตัวของดัชนีต่อเนื่องจากวานนี้ แต่ภาคบ่ายคาดว่าจะมีแรงขายทำกำไรเพื่อลดความเสี่ยงก่อนที่ นายโดนัล ทรัมป์ จะขึ้นรับตำแหน่งประธานาธิบดีและประกาศนโยบายเศรษฐกิจในคืนวันนี้
หุ้นเด่นเลือก KTB-PTTGC-BCP-IRPC-KTC-AOT-BIG-BEAUTY-CPALL-HANA-IVL-LH-PTTGC-TISCO-TPCH-TKN-DEMCO และ SCI
บล.ธนชาต ระบุในบทวิเคราะห์ (20 ม.ค.) แม้ SET สามารถกลับมายืนได้เหนือแนวรับสำคัญ 1,550 จุดเมื่อวานนี้ อย่างไรก็ตาม กังวลต่อความ “ผันผวน” ที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในในกรณีที่ SET ไม่สามารถยืนได้เหนือ 1,550 จุด จาก 1) Implantation Risk จากการนำนโยบายทรัมป์ไปใช้จริง หลัง 20 ม.ค.นี้ 2) Bond yield ที่เร่งตัวขึ้นอีกครั้งหลัง Fed มองการจ้างงานสหรัฐฯ ดีขึ้นต่อเนื่อง ทำให้ Earnings yield gap ของ SET ที่ 4% ไม่น่าสนใจ กำหนด Trailing stop หรือ “จุดจำกัด” ขาดทุนที่ 1,550 จุด (อิงเส้นค่าเฉลี่ย 1 เดือน) ซึ่งเป็นการลดพอร์ตเป็นครั้งที่ 2 เพื่อลดความเสี่ยงจากความ “ผันผวน” ของตลาดที่เพิ่มขึ้น
ขณะที่แนะนำ “ซื้อ” 1) KTB: พื้นฐาน 21.00 บาท กำไรไตรมาส 4/16 ดีกว่าคาดเล็กน้อย ที่ 7.4 พันล้านบาท +10% จากช่วงเดียวกันในปีก่อน แต่ลดลง 14% จากไตรมาสก่อน ทั้งปีกำไร 3.2 หมื่นล้านบาท +13% จากช่วงเดียวกันในปีก่อน จากต้นทุนการเงินที่ต่ำลง, Equity income ดีขึ้น ด้วยแนวโน้มสินเชื่อเติบโต +5% ปีนี้, PE ต่ำที่สุดในกลุ่มธนาคารที่ 7.9 เท่า, จ่ายเงินปันผลปีละครั้ง 4.8% และ Balance sheet ดีขึ้นหลังปรับโครงสร้างหนี้ SSI ส่งผล Coverage Ratio ขึ้นมาที่ 121% คาดราคาหุ้น Outperform ตลาด
บล.กรุงศรี ระบุในบทวิเคราะห์ (20 ม.ค.) SET ยังเคลื่อนไหวผันผวนและมีโอกาสปรับตัวลง โดยในภาคเช้าตลาดน่าจะยังได้โมเมนตัมเชิงบวกจากการฟื้นตัวของดัชนีต่อเนื่องจากเมื่อวาน แต่ภาคบ่ายคาดว่าจะมีแรงขายทำกำไรและลดความเสี่ยงก่อนที่ นายโดนัล ทรัมป์ จะขึ้นรับตำแหน่งประธานาธิบดีและประกาศนโยบายเศรษฐกิจในคืนวันนี้ ขณะเดียวกันในช่วงเช้าของวันนี้ต้องติดตามการประกาศตัวเลข GDP ปี 2016 ของจีนโดยตลาดส่วนใหญ่คาดว่าจะขยายตัว 6.7%
ยังแนะนำนักลงทุนให้รอซื้อเมื่อดัชนีอ่อนตัวและเป็นการเข้าเก็บสะสมหุ้นที่คาดว่าจะประกาศงบ 2016 ออกมาดีและผลประกอบการปีนี้ยังเติบโตได้ต่อเนื่อง อาทิ AOT, BIG, BEAUTY, CPALL, HANA, IVL, LH, PTTGC, TISCO, TPCH และ TKN ส่วนหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัวในวันนี้คือกลุ่มผู้ประกอบการสายส่งไฟฟ้า โดยเมื่อวาน กฟผ. แจ้งข่าวเตรียมทยอยประมูลงานปรับปรุงระบบสายส่งไฟฟ้าภาค อีสาน-ใต้ ในปี 60-61 มูลค่า 1.57 แสนล้านบาท เบื้องต้นปีนี้จะทยอยเปิดประมูล 55 สัญญา มูลค่าราว 6 หมื่นล้านบาท เป็นบวกต่อ DEMCO และ SCI
กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ : Buy on Weekness
หุ้นเก็งกำไรระยะสั้น : PTTGC (ซื้อ/เป้า 68 ) คาดกำไรสุทธิไตรมาส 4/16 เพิ่มขึ้นทำ New High ของปีจากแรงหนุนในทุกธุรกิจ ทั้งโรงกลั่นและปิโตรเคมี
บล.แอพเพิล เวลธ์ ระบุในบทวิเคราะห์ (20 ม.ค.) ภาวะตลาดชะลอตัวหลังจากรายงานผลประกอบการ Q4/59 ของกลุ่มธนาคาร โดยทิศทางกำไรยังขยายตัว แต่ยังมีภาระกันสำรองเพิ่มขึ้นในปีนี้ ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศยังรอดูทิศทางนโยบายการบริหารงานและมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของนายทรัมป์ ว่าจะส่งผลต่อการค้า, การลงทุนอย่างไร
กลยุทธ์การลงทุน ประเมินแนวรับ 1,530 – 1,540 จุด แนะนำทยอยซื้อกลับหากดัชนีอ่อนตัวลง เนื่องผลประกอบการไตรมาส 4/59 ของกลุ่มพลังงาน & ปิโตรเคมีคาดอยู่ในเกณฑ์ดี แนะนำซื้อ PTTGC, BCP, IRPC และเก็งกำไร KTC (+ กำไรไตรมาส 4/59 ขยายตัว 45 % จากไตรมาสเดียวกันในปีก่อน และ NPL ลดลงอยู่ที่ระดับ 1.66 %)