SET ผันผวน ตลาดวิตกสหรัฐฯออกจาก TPPปรับแผนเล่น 14 หุ้นเน้นการเติบโตในประเทศ
นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทยวันนี้เคลื่อนไหวผันผวนและมีโอกาสปรับตัวลง เนื่องจากนักลงทุนเริ่มไม่มั่นใจต่อการดำเนินนโยบายเศรษฐกิจของ โดนัล ทรัมป์ อย่างไรก็ตาม แนวโน้มดัชนีในเดือน ก.พ. - เม.ย. จากสถิติ 10 ปีที่ผ่านมา SET มีโอกาสให้ผลตอบแทนเป็น "บวก" สูง การลงทุนเน้นกลุ่มที่กำไรไตรมาส 4/59 และ ปี 59 เติบโตดีเป็นหลัก หรือเลือกเก็งกำไรหุ้นที่เน้นการเติบโตภายในประเทศ
ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์ รายงาน เช้านี้ ณ เวลา 9.20 น. ค่าเงินบาทอยู่ที่ 35.18 บาทต่อเหรียญ ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียส่วนใหญ่ปรับตัวลง หลังนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ได้ลงนามถอนสหรัฐออกจากข้อตกลงการค้าเสรีหุ้นส่วนยุทธศาสตร์เศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิค (TPP) อย่างเป็นทางการ ซึ่งมาตรการกีดกันทางการค้าของนายทรัมป์อาจจะนำไปสู่สงครามการค้าทั่วโลก
นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทยวันนี้เคลื่อนไหวผันผวนและมีโอกาสปรับตัวลง เนื่องจากนักลงทุนเริ่มไม่มั่นใจต่อการดำเนินนโยบายเศรษฐกิจของ โดนัล ทรัมป์ อย่างไรก็ตาม แนวโน้มดัชนีในเดือน ก.พ. – เม.ย. จากสถิติ 10 ปีที่ผ่านมา SET มีโอกาสให้ผลตอบแทนเป็น “บวก” สูง การลงทุนเน้นกลุ่มที่กำไรไตรมาส 4/59 และ ปี 59 เติบโตดีเป็นหลัก หรือเลือกเก็งกำไรหุ้นที่เน้นการเติบโตภายในประเทศ
หุ้นเด่นเลือก KTB-TISCO-BJC-WHA-IRPC-ASEFA-AMATA-ROJNA-WHA-BR-GFPT-CM-DELTA และ KCE
บล.ธนชาต ระบุในบทวิเคราะห์ (24 ม.ค.) ว่า Reward to Risk ของตลาดไม่ได้เปลี่ยนอย่างมีนัยสำคัญ แต่มีโอกาสที่ SET จะ Extended Rally ได้ดีกว่าคาดในช่วง 1-2 เดือนข้างหน้า จาก 1) SET กำลังเข้าสู่ Season Bull ในเดือน ก.พ. – เม.ย. โดยจากสถิติในอดีต 10 ปีที่ผ่านมา SET มีโอกาสให้ผลตอบแทนเป็น “บวก” สูง 80-90% ในเดือน ก.พ. – เม.ย. และให้ผลตอบแทนเฉลี่ย 2.8-4.0% ต่อเดือน 2) Consensus มีการปรับประมาณการกำไรปี 2017 หุ้นหลายๆ ตัวขึ้น (Upward revision) โดยเฉพาะในกลุ่มธนาคาร (KTB TISCO) และโรงพยาบาล (BDMS)
แม้มอง SET มีโอกาส Extended Rally แต่ควรกำหนด Trailing stop ที่ 1,554 จุดเพื่อจำกัดความเสี่ยงอยู่ดี ขณะที่แนะนำ “ซื้อ” หุ้นที่กำไรไตรมาส 4/16 ออกมาดี และกำไรเติบโตแกร่งในปี 2017 ได้แก่ KTB (PE ต่ำสุดในกลุ่มธนาคาร ปันผล 4.7% และ Consensus ปรับกำไรขึ้น) TISCO BJC (เป็น Laggard plays ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา คาดกำไรไตรมาส 4/16 ขยายตัวดี ราคาหุ้นฟื้นตัวทะลุแนวต้าน 1 เดือน เป้าหมายระยะสั้น 53.50/56.25 บาท) WHA (แนวต้านระยะสั้นที่ 3.34/3.70 บาท) และ IRPC (ค่าการกลั่นสูง รับรู้ UHV เต็มไตรมาส ปันผล 4.4%)
บล.กรุงศรี ระบุในบทวิเคราะห์ (24 ม.ค.) คาด SET เคลื่อนไหวผันผวน Sideway ในกรอบ +/- 5 จุด เนื่องจากนักลงทุนเริ่มไม่มั่นใจต่อการดำเนินนโยบายเศรษฐกิจของ โดนัล ทรัมป์ หลังวานนี้ ทรัมป์ ลงนามยกเลิก ข้อตกลงการค้าเสรีหุ้นส่วนยุทธศาสตร์เศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิค (TPP) อย่างเป็นทางการแล้ว และยังเตรียมที่จะลงนามในคำสั่งประธานาธิบดีเพื่อให้สหรัฐทำการเจรจาครั้งใหม่ต่อข้อตกลงการค้าเสรีอเมริกาเหนือ (NAFTA) กับแคนาดาและเม็กซิโก ซึ่งการลงนามเพื่อยกเลิก TPP อาจจะจุดชนวนให้เกิดสงครามการค้าเพื่อรักษาประโยชน์ของประเทศต่างๆ ทำให้ภาคการค้าของโลกมีแนวโน้มลดลงและเป็นลบต่อประเทศที่พึ่งพาการส่งออกอาทิ ไทย ซึ่งเป็น Sentiment เชิงลบต่อหุ้นที่ทำการส่งออกอาทิ อิเล็กทรอนิกส์ เกษตร และ อาหาร
ขณะที่วันนี้ติดตามการประชุม ครม. คาดที่ประชุมอาจจะมีมติอนุมัติมาตรการส่งเสริมการลงทุนให้ภาคเอกชนเพิ่มเติมเป็นบวกต่อจิตวิทยาการลงทุนในหุ้นกลุ่มนิคมอุตสาหกรรม อาทิ AMATA ROJNA WHA และหุ้นที่ได้ผลบวกจากช่วงเทศกาลตรุษจีน BR GFPT ขณะเดียวกัน GFPT ยังได้ข่าวดีจากราคาลูกไก่สัปาดห์นี้ปรับตัวขึ้นอีก 2 บาทต่อตัวเป็น 17.50 บาทต่อตัวสูงกว่าค่าเฉลี่ยของปีที่ผ่านมาที่ 13.25 บาทต่อตัว และเข้าใกล้ระดับสูงสุดในรอบ 2 ปีที่ 19.50 บาท
กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ : Selective Buy
หุ้นเก็งกำไรระยะสั้น : ASEFA (ซื้อ/เป้า 9.30 บาท) คาดกำไรสุทธิไตรมาส 4/16 ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ขณะปีนี้คาดกำไรสุทธิโตต่อเนื่องตามการเปิดประมูลงานของภาครัฐที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นอย่างมาก
บล.แอพเพิล เวลธ์ ระบุในบทวิเคราะห์ (24 ม.ค.) การออกจาก TPP ของสหรัฐคาดจะส่งผลให้ Fund Flows ชะลอตัวเพื่อรอประเมินแนวนโยบายใหม่ของทรัมป์ วันนี้ติดตามตัวเลขส่งออกไทย ธ.ค. คาด +9 % จากช่วงเดียวกันในปีก่อน กลยุทธ์การลงทุน ประเมินดัชนียังแกว่งตัวในกรอบ 1,550 – 1,580 จุด แนะนำเทรดดิ้งตามกรอบการลงทุน ระยะสั้นแนะเก็งกำไร GFPT , CM , DELTA , KCE (+ คาดเป็นกลุ่มสินค้าส่งออกไทยที่ยังขยายตัวได้ดี)