SET บ่ายยืนบวก ลุ้นยืนเหนือ 1,600 จุดโบรกฯ แนะ “ซื้อ” AOT ชูเป้า 475 บาท

SET บ่ายยืนบวก ลุ้นยืนเหนือ 1,600 จุด พร้อมให้แนวรับ 1,580 แนวต้าน 1,600 จุด โบรกฯ แนะ “ซื้อ” AOT ชูเป้า 475 บาท ปัจจัยหนุนเพียบ


ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์รายงานตลาดหุ้นไทยดัชนี SET ภาคเช้า (26 ม.ค.) ปรับตัวขึ้น หลังได้รับแรงหนุนดัชนีดาวโจนส์ปิดเหนือ 20,000 จุด ส่งผลทำให้ตลาดทั่วโลกปรับตัวดีขึ้นตามไปด้วย ขณะที่ดัชนีหุ้นไทยสามารถยืนเหนือแนวต้านเดิมได้ แต่ยังคงต้องระวังการขายทำกำไรออกมาในหุ้นที่ปรับตัวขึ้นไปแล้ว เนื่องจากนักลงทุนส่วนใหญ่ยังไม่มั่นใจว่าดัชนีฯจะยืนเหนือ 1,600 จุดได้หรือไม่ บ่ายนี้คาดตลาดฯน่าจะอยู่ในแดนบวกได้ต่อ ให้แนวรับ 1,580 แนวต้าน 1,600 จุด

นายธนเดช รังษีธนานนท์ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.อาร์เอชบี(ประเทศไทย) เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้ปรับตัวขึ้น หลังได้รับแรงหนุนดัชนีดาวโจนส์เมื่อคืนนี้ปิดเหนือระดับ 20,000 จุด ซึ่งถือว่าเป็นระดับสูงสุดของดาวโจนส์ ส่งผลให้ momentum ทั้งตลาดหุ้นในภาดภูมิภาคและตลาดหุ้นไทยปรับตัวดีขึ้น โดย SET สามารถยืนเหนือแนวต้านเดิมที่ระดับ 1,580 จุดได้

อย่างไรก็ตามดัชนีฯปรับตัวขึ้นแตะระดับ 1,600 จุด อาจจะส่งผลทำให้นักลงทุนเกิดความไม่มั่นใจว่า SET จะสามารถผ่านขึ้นไปได้หรือไม่ ซึ่งอาจจะมีการขายทำกำไรออกมาในหุ้นที่ปรับขึ้นไปก่อนหน้านี้

ส่วนแนวโน้มการลงทุนในช่วงบ่ายนี้ นายธนเดช กล่าวว่า ตลาดฯน่าจะยืนอยู่ในแดนบวกได้ต่อ ซึ่งดัชนีจะสามารถยืนเหนือระดับ 1,600 จุดได้หรือไม่นั้นยังต้องติดตามดู โดยปัจจัยที่ต้องติดตามคือ ตัวเลขการขยายตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ (GDP) ในไตรมาส 4/59 ,นโยบายการลงทุนของสหรัฐฯ รวมถึงแผนการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของไทย และการทยอยประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนไทย อีกทั้ง Outlook ในปี 60 ที่จะเป็นตัวกำหนดทิศทางการลงทุน และส่งผลให้ SET เดินหน้าต่อไปได้ พร้อมให้แนวรับ 1,580 จุด ส่วนแนวต้าน 1,600 จุด

 

บล.ธนชาต ระบุในบทวิเคราะห์ (26 ม.ค.) SET ปรับสูงขึ้นทดสอบแนวต้านทางจิตวิทยาที่ 1,600 จุด ในช่วงเช้าที่ผ่านมา และแม้มีความเสี่ยงในการ “พักฐาน” ระยะสั้น แต่ยังมองโอกาส extended rally ต่อไปในระยะ 1-3 เดือนข้างหน้า ด้วยเป้าหมาย 1,622-1,650 จุด เนื่องจาก SET กำลังเข้าสู่ช่วง Bull Season ในเดือน ก.พ.-เม.ย.

ในขณะเดียวกัน แนะนำ “ซื้อ” AOT ด้วยเป้าหมายพื้นฐาน 475 บาท ด้วยปัจจัยสนับสนุนจาก 1) เริ่มเห็นการฟื้นตัวของจำนวนผู้โดยสารตั้งแต่ต้นเดือน ม.ค.ที่ผ่านมา เพิ่มขึ้น 11% จากปีก่อนดีขึ้นจากช่วงไตรมาส 4/59 ที่ เพิ่มขึ้น 6% จากปีก่อนเท่านั้น โดยผลกระทบจากการจัดระเบียบทัวร์ศูนย์เหรียญลดลง 2) รายได้ค่าเช่าพื้นที่เชิงพาณิชย์ที่เพิ่มขึ้นจากการเปิดสนามบินดอนเมือง Terminal 2 ตั้งแต่ปีก่อน และจำนวนนักท่องเที่ยวที่เติบโตสนับสนุนกำไรปีนี้ เพิ่มขึ้น 14% ที่ 2.2 หมื่นล้านบาท ขณะที่ 3) การประชุมผู้ถือหุ้น 27 ม.ค.นี้เพื่อเห็นชอบการ “แตกพาร์” แม้ไม่ได้มีผลต่อพื้นฐานของ AOT แต่ถือว่าเป็น Sentiment บวกสภาพคล่องในการซื้อขายหุ้นในระยะยาว และ 4) ในทางเทคนิคคาดว่าราคาหุ้นจะทะลุแนวต้าน 410 ไปได้ และมีเป้าหมายถัดไปที่ 420/430 บาท

 

ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่

AOT  มูลค่าการซื้อขาย 3,142.30 ล้านบาท ปิดที่ 410.00 บาท เพิ่มขึ้น 12.00 บาท

PTT   มูลค่าการซื้อขาย 2,827.12 ล้านบาท ปิดที่ 418.00 บาท เพิ่มขึ้น  8.00 บาท

CPALL  มูลค่าการซื้อขาย 2,399.48 ล้านบาท ปิดที่  61.25 บาท เพิ่มขึ้น .2.50 บาท

PTTEP  มูลค่าการซื้อขาย 1,504.42 ล้านบาท ปิดที่  98.50 บาท เพิ่มขึ้น  4.00 บาท

ADVANC  มูลค่าการซื้อขาย 1,056.73 ล้านบาท ปิดที่ 162.50 บาท เพิ่มขึ้น  1.00 บาท

Back to top button