คัด 7 หุ้น Laggard กำไรโต SET ผันผวน ระวังแรงขายทำกำไร

นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทยวันนี้ผันผวนในกรอบ 1,580-1,600 จุด โดยดัชนีมีโอกาสประบตัวลงจากแรงขายทำกำไร หลังปรับสูงขึ้นแรง 5 วันติดต่อกันเกือบ 50 จุด ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียหลายประเทศปิดทำการเนื่องในเทศกาลตรุษจีน การลงทุนเน้นกลุ่ม Laggard Plays และแนวโน้มผลประกอบการเติบโตดี


ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์ รายงาน เช้านี้ ณ เวลา 9.24 น. ค่าเงินบาทอยู่ที่ 35.29 บาทต่อเหรียญ ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดปรับตัวขึ้นเป็นส่วนใหญ่ โดยได้แรงหนุนจากดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กที่ทำสถิติพุ่งขึ้นเหนือระดับ 20,000 จุดติดต่อกันเป็นวันที่สองเมื่อคืนนี้ หลังบริษัทจดทะเบียนหลายแห่งเปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่ง ซึ่งรวมถึงบริษัทคอมแคสต์ และดาว เคมิคอล

นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทยวันนี้ผันผวนในกรอบ 1,580-1,600 จุด โดยดัชนีมีโอกาสประบตัวลงจากแรงขายทำกำไร หลังปรับสูงขึ้นแรง 5 วันติดต่อกันเกือบ 50 จุด ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียหลายประเทศปิดทำการเนื่องในเทศกาลตรุษจีน การลงทุนเน้นกลุ่ม Laggard Plays และแนวโน้มผลประกอบการเติบโตดี หุ้นเด่นเลือก BJC-AOT-SCB-TMB-BAY-BIG และ MINT

 

บล.แอพเพิล เวลธ์ ระบุในบทวิเคราะห์ (27 ม.ค.) ภาวะการซื้อขายวานนี้ดัชนีปรับตัวขึ้นทดสอบแนวต้านบริเวณ 1,600 จุด และยังสามารถปิดยืนเหนือ 1,590 จุด ตลาดได้รับแรงหนุนจากหุ้นขนาดใหญ่ที่ปรับตัวตามผลประกอบการที่ดีกว่าคาดหรือเก็งกำไรผลประกอบการ ประเมินวันนี้ดัชนีอาจมีแรงขายทำกำไรออกมาบ้างแต่น่าจะทรงตัวได้เนื่องจากวันนี้ตลาดหุ้นเอเชียหลายประเทศปิดทำการเนื่องในเทศกาลตรุษจีนจึงมองตลาดน่าจะพอทรงตัว

กลยุทธการลงทุน พิจารณาแนวรับ 1,580 จุด หากยืนได้ แนะนำ เก็งกำไรหุ้นขนาดใหญ่นำตลาด AOT (รอผู้ถือหุ้นอนุมัติแตกพาร์จาก 10.00 บาทเป็น 1.00 บาท) SCB, TMB, BAY (ราคาหุ้น Laggard ในกลุ่มแบงก์)

 

บล.ธนชาต ระบุในบทวิเคราะห์ (27 ม.ค.) มีแนวโน้ม Sideways ในกรอบ 1,580-1,600 จุด วันนี้ หลังปรับสูงขึ้นแรง 5 วันติดต่อกันเกือบ 50 จุด ขณะที่ภาพระยะ 1-3 เดือนข้างหน้าจะ extended rally ไปที่ 1,622-1,650 จุด จาก 1) SET กำลังเข้าสู่ช่วง Bull Season ในเดือน ก.พ.-เม.ย. 2) นักลงทุนทั่วโลกอยู่ในสถานะ Risk-on ต่อแนวโน้มการเติบโตเศรษฐกิจสหรัฐฯ ขณะที่การประชุม FOMC วันที่ 1 ก.พ.ยังไม่รีบขึ้นดอกเบี้ย 3) Consensus เริ่มปรับกำไร SET ขึ้นอีกครั้ง

แนะนำ “ซื้อ” Laggard Plays และคาดการณ์กำไร 4/16 ออกมาดี 1) AOT: “ซื้อ” พื้นฐาน 475.00 บาท ราคาหุ้นปรับสูงขึ้น +2.5% ตั้งแต่ต้นปี มองเป็น Laggard Play เมื่อเทียบกับหุ้นใหญ่อื่นๆ ขณะที่เริ่มเห็นการฟื้นตัวของผู้โดยสารตั้งแต่ต้นเดือน ม.ค.ที่ผ่านมา นอกจากนี้การประชุม “แตกพาร์” วันนี้จะเป็นปัจจัยบวกทาง Sentiment แนวต้าน 420.00/430.00 บาท

2) BJC : “ซื้อ” พื้นฐาน 62.00 บาท คาดผลการดำเนินงานไตรมาส 4/16 เติบโตดีจากการลดหนี้ ลดดอกเบี้ยจ่าย และด้วยการรับรู้กำไร BIGC เต็มปีในปีนี้ คาดกำไรโต 120% ปีนี้สูงสุดในกลุ่มค้าปลีก แนวต้าน 53.50/56.25 บาท

 

บล.กรุงศรี ระบุในบทวิเคราะห์ (27 ม.ค.) มีมุมมองเป็นกลางถึงลบ คาด SET จะเคลื่อนไหวผันผวนและมีโอกาสปรับตัวลง แม้วันนี้หุ้นในกลุ่มพลังงานจะยังได้แรงหนุนจากราคาน้ำมันดิบที่เพิ่มขึ้น แต่ด้วยดัชนีที่ปรับขึ้นต่อเนื่องในช่วง 5 วันที่ผ่านมาจะจูงใจให้นักลงทุนเทขายทำกำไร ประกอบกับค่าเงินบาทเริ่มอ่อนค่าอาจกดดันให้ Fund Flow ต่างชาติลดแรงซื้อ เช่นเดียวกับนักลงทุนสถาบันที่น่าจะชะลอการลงทุนเพื่อรอดูผลการประชุมของเฟดในสัปดาห์หน้า

อีกทั้งในวันนี้ตลาดหุ้นในภูมิส่วนใหญ่ปิดทำการเนื่องจากเทศกาลตรุษจีน อาจจะทำให้บรรยากาศการลงทุนโดยรวมไม่คึกคักเหมือนกับในช่วงที่ผ่านมา กลยุทธ์การลงทุนในระยะนี้ยังเป็น Selective Buy และแนะนำสะสมหุ้นที่คาดว่าจะประกาศงบ 2016 ออกมาดีและผลประกอบการปีนี้ยังเติบโตได้ต่อเนื่อง อาทิ AOT, BIG, BEAUTY, CPALL, HANA, IVL, LH, PTTGC, TISCO, TPCH, TKN และเลือกหุ้นที่ Valuation ยังไม่แพงและมีปันผลสูงเช่นกลุ่มอสังหาฯ (LH SPALI) ด้านกลุ่มธุรกิจการบิน ระยะสั้นแนะนำให้หลีกเลี่ย งเนื่องจากมีความไม่ชัดเจนจากข่าวการปรับขึ้นภาษีน้ำมันเครื่องบิน

กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ : Selective Buy

หุ้นเก็งกำไรระยะสั้น : BIG (ซื้อ/เป้า 7.00 บาท) ราคาร่วงแรงแต่ปัจจัยพื้นฐานยังไม่เปลี่ยนคาดกำไรสุทธิไตรมาส 4/16 ยังเพิ่มขึ้นทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ MINT (ซื้อ/เป้า 43.00 บาท) ราคาหุ้นลดลงสะท้อนผลประกอบการที่ชะลอตัวในไตรมาส 4/16 ไปแล้ว ขณะที่แนวโน้มผลประกอบการในไตรมาส 1/17 เริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัวจากยอดจองล่วงหน้าที่เพิ่มขึ้น

Back to top button