SET บ่ายแกว่งลบ – ติดตามประชุม FOMC วันนี้โบรกฯ แนะ “ซื้อ” WHA เป้า 3.80 บ. มีปัจจัยหนุน

ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์รายงานตลาดหุ้นไทยดัชนี SET ภาคเช้า (31 ม.ค.) วอลุ่มเทรดตลาดฯบาง ดัชนีฯแกว่งในแดนลบเช่นเดียวกับตลาดภูมิภาค เหตุจากปัจจัยภายนอกกดดัน โดยเฉพาะนโยบายของ”ทรัมป์” ทำให้นักลงทุนส่วนใหญ่เกิดความกังวล พร้อมแนะให้ติดตามการประชุม FOMC ที่จะเริ่มในวันนี้ และติดตามการทยอยประกาศงบฯ บ่ายนี้ตลาดฯคงแกว่งในแดนลบต่อ หลังยังไร้ปัจจัยบวกหนุน พร้อมให้แนวรับ 1,570-1,575 แนวต้าน 1,590 จุด

 

น.ส.ธีรดา ชาญยิ่งยงค์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นไทยช่วงเช้าที่ผ่านมาวอลุ่มค่อนข้างเบาบาง ดัชนีฯเคลื่อนไหวอยู่ในแดนลบ เช่นเดียวกันกับตลาดภูมิภาค น่าจะได้รับแรงกดดันจากต่างประเทศเป็นหลัก โดยเฉพาะนโยบายของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ที่ล่าสุดได้ลงนามในคำสั่งระงับการเดินทางเข้าสหรัฐ ของพลเมืองจาก 7 ประเทศ ส่งผลให้นักลงทุนส่วนใหญ่เกิดความกังวลต่อการดำเนินนโยบายของทรัมป์

ทั้งนี้แนะนักลงทุนให้ติดตามดูการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) ที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 31 ม.ค.-1 ก.พ. ส่วนปัจจัยภายในประเทศ ยังคงติดตามการทยอยประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนไทย ขณะที่หุ้น DTAC ประกาศผลประกอบการปี 59 ออกมาต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์มาก ส่งผลกดดันตลาดฯเช้านี้ รวมถึงราคาน้ำมันที่ยังกดดันหุ้นกลุ่มพลังงาน

แนวโน้มการลงทุนในช่วงบ่ายนี้ ตลาดฯน่าจะยังคงเคลื่อนไหวอยู่ในแดนลบต่อ จากยังไม่มีปัจจัยบวกเข้ามาสนับสนุน โดยให้แนวรับ 1,570-1,575 จุด แนวต้าน 1,590 จุด

 

บล.ธนชาต ระบุในบทวิเคราะห์ (31 ม.ค.) SET ปรับตัวลงจาก ความกังวลนโยบายต่างประเทศของสหรัฐฯ และความกังวลว่า Dow jones จะยืนเหนือระดับจิตวิทยา 20,000 จุด ไม่ได้ ขณะที่นักลงทุนส่วนใหญ่ชะลอการลงทุนเนื่องในเทศกาลตรุษจีน และรอผลประชุม Fed ในวันที่ 1 ก.พ. (คาดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ 0.75%) รวมถึงรอติดตามตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐฯ ทั้งตัวเลขการจ้างงาน และดัชนี ISM (ซึ่งจะช่วยให้แนวทางว่า Fed จะขึ้นดอกเบี้ยได้  3 ครั้ง ในปี 2560 ตามที่ได้บ่งชี้ไว้หรือไม่) แนะนำลงทุนตาม momentum โดยมี “trailing stop” ที่ 1,580 จุด ต่อไป

ในขณะเดียวกัน  แนะนำ “ซื้อ” WHA ด้วยเป้าหมายพื้นฐาน 3.80 บาท ด้วยปัจจัยสนับสนุนจาก 1) ผลการดำเนินงานไตรมาส 4/59 จะขยายตัวแข็งแกร่งจากการขายสินทรัพย์เข้า REIT 2) ยอดขายที่ดินที่เพิ่มขึ้นปีนี้, ภาระดอกเบี้ยจ่ายที่ลดลงจากการคืนหนี้ตั้งแต่ปลายปีก่อน, และกำลังการผลิตไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น หนุนกำไรเติบโตแกร่ง 45% ปีนี้ ที่ 3.1 พันล้านบาท 3) มี catalyst จากการนำธุรกิจไฟฟ้า (WHAUP) เข้าตลาดภายในกลางเดือน เม.ย.นี้ โดยผู้ถือหุ้น WHA คาดว่าจะได้สิทธิในการจองซื้อหุ้น WHAUP ในสัดส่วนประมาณ 250 หุ้นต่อ 1 หุ้น WHAUP และ 4) ทางเทคนิคแกว่งขึ้นต่อหลังพักตัวพร้อมปริมาณการซื้อขายหนาแน่น เป้าหมายระยะสั้น 3.32 และถัดไปที่ 3.40 บาท

 

 

ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่

PTT   มูลค่าการซื้อขาย 1,413.49 ล้านบาท ปิดที่ 408.00 บาท ลดลง  10.00 บาท

AOT     มูลค่าการซื้อขาย 1,382.96 ล้านบาท ปิดที่ 414.00 บาท เพิ่มขึ้น  6.00 บาท

PTTEP   มูลค่าการซื้อขาย 1,316.46 ล้านบาท ปิดที่  99.00 บาท ลดลง   3.00 บาท

DTAC    มูลค่าการซื้อขาย   925.11 ล้านบาท ปิดที่  40.50 บาท ลดลง   1.00 บาท

STA     มูลค่าการซื้อขาย   808.38 ล้านบาท ปิดที่  25.00 บาท ลดลง   1.50 บาท