เคาะ 11 หุ้นเด็ด SET ลุ้นเทคนิเคิลรีบาวด์
นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทยวันนี้มีโอกาสรีบาวด์ทางเทคนิค หุ้นกลุ่มพลังงานมีแนวโน้มฟื้นตัวตามราคาน้ำมันดิบ อย่างไรก็ตาม คาดว่าดัชนีจะฟื้นตัวได้ไม่มาก เนื่องจากนักลงทุนส่วนใหญ่ชะลอการลงทุนเพื่อรอดูผลประชุมของเฟด การลงทุนเน้นกลุ่มที่แนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 4/59 และ ปี 59 ออกมาดีเป็นหลัก รวมถึงกลุ่มที่ได้รับผลดีจากการบริโภคฟื้นตัว, ราคายัง Laggard และหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว
ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์ รายงาน เช้านี้ ณ เวลา 9.20 น. ค่าเงินบาทอยู่ที่ 35.11 บาทต่อเหรียญ ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลง เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลหลังนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ลงนามในคำสั่งเพื่อระงับการเข้าสหรัฐของพลเมืองจาก 7 ชาติมุสลิม
นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทยวันนี้มีโอกาสรีบาวด์ทางเทคนิค หุ้นกลุ่มพลังงานมีแนวโน้มฟื้นตัวตามราคาน้ำมันดิบ อย่างไรก็ตาม คาดว่าดัชนีจะฟื้นตัวได้ไม่มาก เนื่องจากนักลงทุนส่วนใหญ่ชะลอการลงทุนเพื่อรอดูผลประชุมของเฟด การลงทุนเน้นกลุ่มที่แนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 4/59 และ ปี 59 ออกมาดีเป็นหลัก รวมถึงกลุ่มที่ได้รับผลดีจากการบริโภคฟื้นตัว, ราคายัง Laggard และหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว หุ้นเด่นเลือก BR-HANA-ASP-ASK-LH-PSH-INTUCH-GLOBAL-AOT-SUSCO และ SAWAD
นายถนอมศักดิ์ สหรัตน์ชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการและหัวหน้าฝ่ายวิจัย บล.เคที ซีมิโก้ เปิดเผยถึงตลาดหุ้นไทยเช้านี้ (1 ก.พ.) ยังมีโอกาสที่จะรีบาวด์ได้ ขณะที่ตลาดภูมิภาคเช้านี้ส่วนใหญ่จะอยู่ในแดนบวกเล็กน้อย แต่การรีบาวด์คงจะไม่ไกลเนื่องจากหุ้นหลักยังถูกขายอยู่ โดยวานนี้ทั้งนักลงทุนต่างชาติ และกองทุน ต่างขายและทำ Short กันมาก
อย่างไรก็ตาม ให้ติดตามการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (FED) วันนี้ ว่าจะมีการส่งสัญญาณอะไรออกมาหรือไม่ และให้ติดตามนโยบายนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ต่อไปเรื่อยๆ ส่วนในประเทศแนะนำให้ติดตามการทยอยประกาศผลประกอบการในปี 59 ของบริษัทจดทะเบียนต่อไป โดยตลาดฯช่วงนี้ไม่ค่อยมีปัจจัยใหม่เข้ามา
ทั้งนี้ นักลงทุนต่างรอดูจุดซื้อสำหรับการเล่นรีบาวด์ ซึ่งคงจะอาศัยตามสัญญาณทางเทคนิคเป็นหลัก พร้อมให้แนวรับ 1,571-1,558 จุด หากหลุดจะไปแนวรับที่ 1,546 จุด ส่วนแนวต้านให้ไว้ที่ 1,586 จุด
บล.แอพเพิล เวลธ์ ระบุในบทวิเคราะห์ (1 ก.พ.) ว่า วานนี้ตลาดปรับฐานลงจากแรงขายหุ้นกลุ่มพลังงานและสื่อสาร หลังจากผลประกอบการ DTAC ออกมาต่ำกว่าคาดการณ์ ขณะที่กลุ่มพลังงานปรับตัวลดลงตามทิศทางราคาน้ำมันตลาดโลก วานนี้ BOJ ยังคงอัตราดอกเบี้ย -0.1 %และควบคุมอัตราดอกเบี้ยพันธบัตร 10 ปีไว้ที่ระดับ 0 % ส่วนการประชุม FOMC เย็นวันนี้คาดโอกาสปรับขึ้นดอกเบี้ยมีเพียง 14.5 %
กลยุทธ์การลงทุน วางแนวรับสำคัญไว้ที่ 1,570 จุด กรณียืนได้ทิศทางตลาดยังอยู่ในทิศทาง Sideway Up โดยมีแนวต้าน 1,590 จุด โดยตลาดหุ้นเกิดใหม่ยังได้แรงหนุนจากทิศทางดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่า แนะนำซื้อหุ้น High Dividend Yield เช่น ASP, ASK, LH, PSH, INTUCH
บล.ธนชาต ระบุในบทวิเคราะห์ (1 ก.พ.) Dow Jones ปรับลดลงต่อ -0.54% จากความกังวลต่อนโยบายต่างประเทศของทรัมป์ รวมไปถึงความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน ม.ค. ลดลงเหลือ 111.8 จากเดือน ธ.ค.ที่ 113.7 จะเป็นปัจจัยกดดัน SET วันนี้ ด้วยแนวรับ 1,567 จุด (อิงเส้นค่าเฉลี่ย 1 เดือน) ขณะที่ยังมอง “บวก” ระย 1-3 เดือนข้างหน้าเป้าหมาย 1,622/1,650 จุด ด้วยปัจจัยสนับสนุนจาก 1) SET เข้าสู่ “ฤดูลงทุน” เดือน ก.พ.-เม.ย. 2) Consensus ปรับกำไรตลาดขึ้นต่อเนื่อง และ 3) Fed ยังไม่รีบขึ้นดอกเบี้ยคืนนี้
แนะนำ “ซื้อ” หุ้นที่ Consensus ปรับกำไรขึ้น รวมไปถึงหุ้นที่ราคายัง Laggard ตลาด/กลุ่มอุตสาหกรรมอยู่
1) Consensus ปรับกำไรขึ้น และผลดีจากการบริโภคฟื้นตัว : แนะนำ “ซื้อ” GLOBAL (เร่งขยายสาขา 7-8 สาขาต่อปีรับการบริโภคฟื้นตัว, เพิ่ม house brand หนุนอัตรากำไร) และกลุ่มสื่ออย่าง PLANB
2) Laggard + Value Plays : แนะนำ “ซื้อ” AOT (นักท่องเที่ยวฟื้นตัว และการแตกพาร์เพิ่มสภาพคล่อง), SUSCO และ SAWAD
บล.กรุงศรี ระบุในบทวิเคราะห์ (1 ก.พ.) คงมุมมองเป็นกลางถึงบวก หาก SET ไม่หลุดต่ำกว่าระดับ 1,575 จุดซึ่งเป็นระดับแนวต้านเดิมมีโอกาสที่ดัชนีจะเกิด Technical Rebound อย่างไรก็ตาม คาดว่า SET จะฟื้นตัวได้ไม่มากเนื่องจากนักลงทุนส่วนใหญ่จะชะลอการลงทุนเพื่อรอดูผลประชุมของเฟดในคืนวันนี้ หุ้นกลุ่มพลังงานน่าจะกลับมาฟื้นตัวตามราคาน้ำมันดิบที่กลับมาเพิ่มขึ้น ขณะที่วันนี้ PTT มีข่าวเตรียมเร่งแผนนำ PTTOR เข้าตลาดฯน่าจะผลบวกต่อ Sentiment การลงทุนในวันนี้
อย่างไรก็ตาม หุ้นในกลุ่มสื่อสารจะยังถูกกดดันจากแนวโน้มผลประกอบการที่อ่อนแอหลังจาก DTAC รายงานงบไตรมาส 4/16 ออกมาน่าผิดหวัง ส่วนกลุ่มธนาคารมีปัจจัยลบหลังจากฟิทช์ เรทติ้งส์ ประเมินแนวโน้ม NPL ของกลุ่มธนาคารยังสูงขึ้นกดดันแนวโน้มผลประกอบการปีนี้ที่ชะลอตัวต่อเนื่อง ยังแนะนำนักลงทุนเข้าสะสมหุ้นพื้นฐานดี โดยเฉพาะกลุ่มที่คาดว่าจะประกาศผลประกอบการไตรมาส 4/16 ออกมาดี และมีเงินปันผลจ่ายที่ให้อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลสูง อาทิ AOT, CK, CPALL, HANA, IVL, LH, PTTGC, TISCO, TKN TPCH BIG BEUATY
และหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว อาทิกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากการนำสายไฟฟ้าลงใต้ดิน อาทิ ARROW ASEFA ILINK และหุ้น CHO ได้ข่าวดีหลัง ขสมก. เตรียมพิจารณายกเลิกสัญญากับเบสท์ริน คู่แข่งของ CHO ในการนำเข้ารถเมล์ NGV และกลุ่มผู้ประกอบการก๊าซ LPG (SGP) รับผลบวกราคา LPG เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ : Buy on Weakness
หุ้นเก็งกำไรระยะสั้น : BR (ซื้อ/เป้าใหม่ 8.5 เดิม 7.50 บาท) คาดกำไรสุทธิไตรมาส 4/16 เพิ่มขึ้น 28% จากไตรมาสก่อน เนื่องจากรับรู้รายได้ของ VSE เข้าเต็มไตรมาส และแนวโน้ม GPM กลับมาดีขึ้น, HANA (ซื้อ/เป้า 50.00 บาท) ราคาหุ้นยัง Laggard หากเทียบกับหุ้น Semiconductor ทั่วโลกที่ปรับตัวขึ้นทำ New High