SET เริ่มเสี่ยง ขาดปัจจัยหนุน ระวังแรงขาย เลือกเก็บ 16 หุ้น เทรนด์พื้นฐานดี-มีปันผล
นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทยวันนี้ขาดปัจจัยใหม่หนุน และอาจมีแรงขายทำกำไรหลังปรับขึ้นแรงในช่วง 2 วันก่อนหน้า ขณะที่หุ้นในกลุ่ม Big Cap มีแนวโน้มพักตัว โดยเฉพาะกลุ่มพลังงานซึ่งถูกกดดันจากราคาน้ำมันดิบที่ลดลง การลงทุนเ้นหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว พื้นฐานดีและปันผลสูง
ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์ รายงาน เช้านี้ ณ เวลา 9.20 น. ค่าเงินบาทอยู่ที่ 34.99 บาทต่อเหรียญ ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลง โดยได้รับปัจจัยถ่วงจากตลาดหุ้นนิวยอร์กที่ปิดลบเมื่อคืน หลังราคาน้ำมันดิบร่วงลงราว 1.5% ฉุดหุ้นกลุ่มพลังงานดิ่งลงตาม
นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทยวันนี้ขาดปัจจัยใหม่หนุน และอาจมีแรงขายทำกำไรหลังดัชนีปรับขึ้นแรงในช่วง 2 วันก่อนหน้า ขณะที่หุ้นในกลุ่ม Big Cap มีแนวโน้มพักตัว โดยเฉพาะกลุ่มพลังงานซึ่งถูกกดดันจากราคาน้ำมันดิบที่ลดลง การลงทุนเ้นหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว พื้นฐานดีและปันผลสูง
หุ้นเด่นเลือก AOT-KBANK-TMB-KKP-BEAUTY-BJC-MINT-ERW-CENTEL-SPA-MALEE-SAPPE-TIPCO-CBG-ICHI และ SSC
บล.ธนชาต ระบุในบทวิเคราะห์ (7 ก.พ.) แม้ราคาน้ำมันดิบ Brent ปรับลดลงเกือบ 2% กดดัน Dow Jones และคาดว่าจะเป็นปัจจัยกดดัน SET วันนี้ แต่ยังมอง SET ปรับสูงขึ้นต่อระยะสัปดาห์ เป้าหมาย 1,620 จุด หรือถัดไปที่ 1,650 จุดเหมือนเดิม สำหรับการประชุม กนง.วันที่ 8 ก.พ.คาดคงดอกเบี้ยที่ 1.50% ไม่มีผลต่อ SET
แนะนำ “ซื้อ” BEAUTY พื้นฐาน 15.00 บาท จาก 1) กำไรไตรมาส 4/16 มีแนวโน้มดีกว่าที่คาดไว้ที่ 173 ล้านบาท (+40% จากช่วงเดียวกันในปีก่อน) 2) แนวโน้มรายได้ในประเทศฟื้นตัวตั้งแต่ต้นปี และยอดส่งออกคาดว่าจะเติบโตสูง 92-68% ในปี 2017-18 3) คาดกำไรโต 42-37% ในปี 2017-18 จากยอดขายทั้งในและต่างประเทศเติบโตสูง และอัตรากำไรสูงขึ้น และ 4) มีจังหวะ Rebound ทางเทคนิค เป้าหมายระยะสั้นที่ 11.20 บาท
ขณะที่ยังแนะนำ “ซื้อ” กลุ่มหุ้นพื้นฐานดี ที่ทางสถิติมีโอกาสให้ผลตอบแทนเป็น “บวก” สูงในเดือน ก.พ. อย่างกลุ่มธนาคาร ท่องเที่ยว และ ค้าปลีก ได้แก่ KBANK TMB KKP (ปันผลสูงที่สุดในกลุ่มธนาคารที่ 8.4% ปีนี้ และ 3.9% สำหรับ ครึ่งปีหลังของปี 2016) AOT (เริ่มราคาพาร์ใหม่วันที่ 9 ก.พ.นี้) BJC ต่อเนื่อง
บล.กรุงศรี ระบุในบทวิเคราะห์ (7 ก.พ.) มีมุมมองเป็นกลางถึงลบเนื่องจากตลาดยังไม่มีปัจจัยบวกใหม่ ประกอบกับคาดว่านักลงทุนจะเริ่มทยอยขายทำกำไรหลังจากที่ดัชนีปรับตัวขึ้นแรงในช่วง 2 วันก่อนหน้า หุ้นในกลุ่ม Big Cap น่าจะพักตัว โดยเฉพาะกลุ่มพลังงานซึ่งถูกกดดันจากราคาน้ำมันดิบที่ลดลง และกลุ่มธนาคารราคาหุ้นบางตัวเริ่มเข้าสู่ภาวะซื้อมาก (BBL) อาจมีแรงขายทำกำไร อย่างไรก็ตามคาดว่านักลงทุนจะหมุนกลุ่มเก็งกำไรไปยังหุ้นขนาดกลางถึงเล็กที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว อาทิ กลุ่มท่องเที่ยว (MINT ERW CENTEL SPA) โดยวันนี้คาดกระทรวงการท่องเที่ยวเตรียมเสนอ ครม.ขอยืดอายุวีซ่า ต่อไปอีก 6 เดือนจากที่จะหมดอายุในวันที่ 28 ก.พ. และกลุ่มธุรกิจเครื่องดื่ม (MALEE SAPPE TIPCO CBG ICHI SSC) ได้ประโยชน์หลังจากกระทรวงการคลังเตรียมยืดเวลาในการเก็บภาษีน้ำหวานออกไปอีก 2 ปีเพื่อให้ผู้ประกอบการปรับตัว
กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ : Selective Buy
หุ้นเก็งกำไรระยะสั้น : MALEE (ซื้อ/120.00 บาท) ได้ประโยชน์จากข่าวกระทรวงการคลังเตรียมยืดเวลาเก็บภาษีน้ำหวานออกไปอีก 2 ปีเพื่อให้ผู้ประกอบการปรับตัวจากที่ตลาดคาดว่าจะเริ่มจัดเก็บภาษีตั้งแต่ปีนี้
บล.แอพเพิล เวลธ์ ระบุในบทวิเคราะห์ (7 ก.พ.) ทิศทางการลงทุนเช้านี้คาดได้รับความกังวลต่อทิศทางการเมืองในยุโรป ซึ่งมีความเสี่ยงฝรั่งเศสจะออกจากยูโรโซนหากการเมืองเปลี่ยนขั้ว กลยุทธ์การลงทุน ประเมินดัชนีแกว่งในกรอบ 1,580 – 1,600 จุด หากดัชนีปรับตัวขึ้นสูงกว่าระดับ 1,600 จุดได้ แนะนำขายทำกำไรบางส่วน แนะนำซื้อเก็งกำไร AOT (ราคาเป้าหมาย 455.00 บาท) รับมติ ครม. วันนี้คาดยืดอายุวีซ่าฟรี 22 ประเทศต่ออีก 6 เดือน และปัจจัยบวกเชิงจิตวิทยาการแตกพาร์ในวันที่ 9 ก.พ.นี้