SET บ่ายแกว่งไซด์เวย์ ไร้ปัจจัยใหม่โบรกฯ แนะสอย 4 หุ้นเด่น กำไรแจ่ม
SET บ่ายแกว่งไซด์เวย์ ไร้ปัจจัยใหม่ พร้อมให้แนวรับ 1,570 แนวต้าน 1,590 จุด โบรกฯ แนะสอย 4 หุ้นเด่น กำไรแจ่ม นำโดย KKP, KTB, TMB และ KCAR
ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์รายงานตลาดหุ้นไทยดัชนี SET ภาคเช้า (14 ก.พ.)แกว่งแคบทั้งบวก-ลบ หากยืนได้ที่ระดับ 1,580 ให้เล่นเก็งกำไรได้ แต่ถ้ายืนไม่ได้ให้ลดพอร์ต ปัจจัยยังอิงนอกประเทศเป็นหลัก และ upside ยังขาดแรงหนุนให้ปรับตัวขึ้นแรง ขณะที่ตลาดสหรัฐฯขึ้นมาได้จากลุ้น”ทรัมป์”เตรียมลดภาษีครั้งใหญ่เป็น Sentiment บวก ส่วนบ้านเราก็โฟกัสงบฯต่อไป ด้านตลาดภูมิภาคเช้านี้ส่วนใหญ่ลบไร้ปัจจัยเด่นชัด บ่ายนี้ดัชนีฯคงแกว่งไซด์เวย์ ให้แนวรับ 1,570 แนวต้าน 1,590 จุด
น.ส.ธีรดา ชาญยิ่งยงค์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้แกว่งแคบทั้งในแดนบวก-ลบ แนะให้จับตาดัชนีฯที่ระดับ 1,580 จุด หากยังยืนอยู่ได้ก็สามารถเล่นเก็งกำไรได้ แต่ถ้ายืนไม่อยู่ก็ให้ลดพอร์ต เนื่องจากตลาดฯยังอิงปัจจัยจากนอกประเทศเป็นหลัก และ upside ของตลาดฯก็ยังขาดแรงหนุนให้ปรับตัวขึ้นแรง
ขณะที่ตลาดสหรัฐฯปรับตัวขึ้นได้จากเรื่องนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ จะมีแผนการลดภาษีครั้งใหญ่ใน 2-3 สัปดาห์ข้างหน้า ซึ่ง Sentiment บวกต่อทางสหรัฐฯมากกว่า ส่วนบ้านเราช่วงนี้ก็โฟกัสการทยอยประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนต่อไป ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่อยู่ในแดนลบ เนื่องจากคงจะยังไม่มีปัจจัยเด่นชัดในช่วงนี้แนวโน้มการลงทุนในช่วงบ่ายนี้ ดัชนีฯคงจะแกว่งไซด์เวย์ พร้อมให้แนวรับ 1,570 จุด ส่วนแนวต้าน 1,590 จุด
บล.ธนชาต ระบุในบทวิเคราะห์ (14 ก.พ.) SET อ่อนแอกว่าที่คาด จากแรงกดดันของหุ้นขนาดใหญ่ อย่างไรก็ดี หาก SET ไม่หลุด 1,570 จุด เรายังคงมุมมองว่า momentum ของ SET ยังคงดีอยู่ และมองระยะสัปดห์ SET มีโอกาสกลับไปทดสอบ 1,594 จุด และ 1,620/1,650 จุด ตามผลของฤดูกาล ขณะที่รายกลุ่มอุตสาหกรรม กลุ่มการเงิน/ธนาคาร กลุ่มค้าปลีก และกลุ่มท่องเที่ยว มีโอกาสสูง 75-80% ที่จะให้ผลตอบแทนเป็นบวกในเดือน ก.พ. แนะนำ “ซื้อ” KKP (ปันผลสูงที่สุดในกลุ่ม) TMB และ KTB (PE ต่ำสุดในกลุ่มที่ 7.9x และปันผล 4.7%) รวมถึงหุ้นขนาดเล็กอย่าง KCAR ที่มีอัตราเติบโตของกำไรที่สูง และราคายังคง laggard อยู่
ในขณะเดียวกัน แนะนำ “ซื้อ” KCAR เป้าหมายพื้นฐานที่ 17.2 บาท มองกำไรผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วตั้งแต่ปี 2558 โดย 1) บริษัทขยาย Fleet รถยนต์ใน 2559 เพิ่มจาก 7 พันคัน มาที่ 7.9 พันคัน จากสัญญาเช่ารถขนาดใหญ่ 2) ราคารถยนต์มือสองผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว (อิงจากรายการขาดทุนการขายรถยึดของ KKP ที่ลดลง) 3) การลงทุนซื้อรถในปีที่แล้ว จะได้สิทธิหักค่าเสื่อม 2 เท่า คาดบริษัทจะประหยัดภาษีลงปีละ 30 ล้านบาท จะรับรู้เต็มปีในปี 2560 4) งบกำไรรายไตรมาสฟื้นตัวดีขึ้นต่อเนื่อง เราคาดว่าจะฟื้นตัวต่ออีก 2-3 ไตรมาส มองกำไรทั้งปี 2559 จะเติบโต 50% ที่ 300 ล้านบาท และปี 2560 จะเติบโตต่ออีก 20% มาที่ 360 ล้านบาท 5) ทางเทคนิค เพิ่งทะลุแนวต้าน 12.80 บาทขึ้นมา มี upside ระยะกลางที่ 15.5 บาท
สรุปหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับ ได้แก่
PTT มูลค่าการซื้อขาย 1,975.45 ล้านบาท ปิดที่ 392.00 บาท ลดลง 4.00 บาท
AOT มูลค่าการซื้อขาย 1,537.29 ล้านบาท ปิดที่ 40.00 บาท ลดลง 0.50 บาท
ADVANC มูลค่าการซื้อขาย 1,124.02 ล้านบาท ปิดที่ 169.50 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท
BANPU มูลค่าการซื้อขาย 1,052.27 ล้านบาท ปิดที่ 19.30 บาท เพิ่มขึ้น 0.40 บาท
SCB มูลค่าการซื้อขาย 822.90 ล้านบาท ปิดที่ 154.50 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท