เลือกเก็บ 8 หุ้นร้อน SET ยังไม่พ้นช่วงพักฐาน

ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์ รายงาน เช้านี้ ณ เวลา 9.25 น. ค่าเงินบาทอยู่ที่ 34.95 บาทต่อเหรียญ ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลง นำโดยตลาดหุ้นญี่ปุ่น เนื่องจากเงินเยนที่แข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐได้ฉุดหุ้นส่งออกร่วงลง

นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทยวันนี้พักฐานต่อเนื่อง ภาพโดยรวมยังอ่อนแอ ขณะที่หุ้นในกลุ่มพลังงานมีแนวโน้มกลับมาฟื้นตัวและช่วยพยุงตลาดในช่วงเช้าขานรับราคาน้ำมันดิบบวกแรง การลงทุนยังเน้นกลุ่มที่แนวโน้มกำไรดี และให้ปันผลสูงเป็นหลัก อย่างไรก็ตามให้ระวังแรงขาย Sell on Fact ของบริษัทจดทะเบียนที่รายงานผลประกอบการและประกาศจ่ายปันผลออกมาตามคาดหุ้นเด่นเลือก TPCH-HANA-KKP-TISCO-KTB-PLANB-MC และ EASON

 

บล.ธนชาต ระบุในบทวิเคราะห์ (24 ก.พ.) ว่า SET เคลื่อนไหวแคบรูปแบบ “พักฐาน” ต่อเนื่องเมื่อวานนี้ และแม้ว่ากลุ่มพลังงานจะได้รับผลดีจากการฟื้นตัวของราคาน้ำมันดิบ Brent +1.3% เมื่อคืนที่ผ่านมา หลังสต็อกน้ำมันสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นน้อยกว่าคาด แต่ภาพตลาดโดยรวมยังอ่อนแอ SET อยู่ในแนวโน้ม “พักฐาน” ใน Trade Code และมีหุ้นเพียง 34% (อิงตาม Market Cap) เท่านั้นที่มี momentum เป็น “บวก”

แนะนำ “ซื้อ” WORK ปรับประมาณการกำไรขึ้น 15-12% ในปี 2017-18 การขึ้นค่าโฆษณาตั้งแต่ต้นปี 2017 และ utilization rate ที่ดีขึ้นหนุนกำไรโตเด่น +192% ปีนี้ ขณะที่ล่าสุด rating ช่วง prime-time ขึ้นเป็นอันดับ 2 ขณะที่ TradeCode ให้ “Let profit run” แนวต้าน 54.25/58 บาท

“ซื้อ” หุ้นปันผลสูง 1) KKP ประกาศปันผลครึ่งปีหลังของปี 2016 ที่ 4.00 บาท/หุ้น มากกว่าคาด คิดเป็น 6% และคาดการณ์ปันผลปีนี้ที่ 7% 2) TISCO 3) KTB

“ซื้อ” หุ้นเติบโต 1) PLANB เม็ดเงินโฆษณาเร่งตัว มีแหล่งรายได้ใหม่จาก Sport Marketing หนุนกำไรโต 54% ปีนี้ 2) MC รายได้ภาคการเกษตรฟื้นตัว กำไรไตรมาส 4/16 ดีกว่าคาด และ 3) EASON

 

บล.กรุงศรี ระบุในบทวิเคราะห์ (24 ก.พ.) คงมุมมองเป็นกลาง หุ้นในกลุ่มพลังงานน่าจะกลับมาฟื้นตัวและเป็นกลุ่มนำตลาดในช่วงเช้าขานรับราคาน้ำมันดิบบวกแรงกว่า 86 เซนต์ อย่างไรก็ตาม คาดดัชนีจะเพิ่มขึ้นในกรอบจำกัด เนื่องจากตลาดยังมีความผันผวนจากแรงขาย Sell on Fact ของบริษัทจดทะเบียนที่รายงานผลประกอบการและประกาศจ่ายปันผลปี 2016 ออกมาตามคาดและผิดไปจากที่คาดไว้ ประกอบกับเชื่อว่านักลงทุนจะเทขายทำกำไรและชะลอการลงทุนเพื่อรอดูแผนการประกาศลดภาษีครั้งใหญ่ของโดนัล ทรัมป์ ในสัปดาห์หน้าซึ่งคาดว่าจะประกาศออกมาในวันที่ 28 ก.พ. นโยบายหลักที่นักลงทุนคาดหวังคือการลดภาษีเงินได้นิติบุคคลจาก 30% เป็น15% ส่งผลดีต่อบริษัทจดทะเบียนในอเมริกาแต่ระยะสั้นอาจจะส่งผลกระทบทางอ้อมต่อตลาดหุ้นเกิดใหม่ผ่านการไหลออกของ Fund Flow เพื่อกลับไปลงทุนในอเมริกามากขึ้น

รวมถึงรอดูการประกาศตัวเลขการส่งออกเดือน ม.ค. ของไทยซึ่งจะประกาศในวันที่ 27 ม.ค. โดยConsensus คาดขยายตัว 8.2% จากปีก่อน หากออกมาดีตามคาดจะทำให้นักลงทุนคาดหวังถึงแนวโน้ม GDP ไตรมาส 1/17 ที่น่าจะออกมาดีตามไปด้วย แต่หากการส่งออกพลิกเป็นหดตัวจะกลายเป็นปัจจัยลบซ้ำเติมตลาด ดังนั้นกลยุทธ์การลงทุนช่วงนี้จึงเป็นการรอซื้อเมื่อดัชนีอ่อนตัว และ Selective Buy เน้นหุ้นที่จ่ายปันผลและให้อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลสูงซึ่งคาดว่าจะเป็นกลุ่มที่ Outperform ตลาดในระยะ 1-2 เดือนนี้

กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ : Selective buy หุ้นเก็งกำไรระยะสั้น : HANA (ซื้อ/เป้าใหม่ 54.00 เดิม 50.00 บาท) แจ้งผลประกอบการไตรมาส 4/16 ดีเกินคาดและทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยมีกำไรจากการดำเนินงาน 765 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 53% จากไตรมาสก่อน และ 2% จากไตรมาสเดียวกันในปีก่อน พร้อมประกาศจ่ายปันผลครึ่งปีหลังอีก 1 บาทต่อหุ้น กำหนดขึ้น XD 9 มี.ค. 17

 

บล.แอพเพิล เวลธ์ ระบุในบทวิเคราะห์ (24 ก.พ.) ว่า ภาวะการซื้อขายวานนี้ชะลอตัวเนื่องจากนักลงทุนยังกังวลต่อทิศทางดอกเบี้ยสหรัฐและรอประเมินผลกระทบนโยบายการค้า การลงทุนของสหรัฐ สำหรับ Dollar Index วานนี้ลดลง 0.25 % เนื่องจากนักวิเคราะห์คาดเฟดยังไม่น่าจะขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมเดือน มี.ค. นี้ โดยโอกาสขึ้นดอกเบี้ยจาก Fed Fund Futures อยู่ที่ระดับ 38% ขณะที่ Fund Flow ในตลาดหุ้นไทยยังไม่มีสัญญาณไหลออก

กลยุทธ์การลงทุน ประเมินแนวรับดัชนีที่ 1,550 – 1,560 จุด แนะนำทยอยซื้อหุ้นหลักเมื่อดัชนีอ่อนตัวลง แนะนำเก็งกำไร TPCH (Consensus 22.10 บาท) จากผลประกอบการปี 59 ที่ผ่านมาฟื้นตัวกว่า 3 เท่าเมื่อเทียบกับปี 58