เลือกเก็บ 11 บจ.ดัง SET ผันผวนต่อระวังแรง Sell on Fact หุ้นกลาง-เล็ก
นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทยวันนี้เคลื่อนไหวผันผวนในกรอบจำกัด ขณะที่นักลงทุนชะลอการลงทุนเพื่อลดความเสี่ยงก่อนที่ ทรัมป์ จะประกาศแผนลดภาษีครั้งใหญ่ในคืนวันนี้ ทำให้มูลค่าการซื้อขายโดยรวมยังเบาบาง หุ้นในกลุ่ม Big Cap ยังไร้ปัจจัยหนุน หุ้นขนาดกลาง-เล็กยังมีความเสี่ยงจากแรง Sell on Fact ซึ่งวันนี้เป็นวันสุดท้ายที่บริษัทจดทะเบียนจะส่งงบการเงินปี 59
ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์รายงาน เช้านี้ ณ เวลา 9.22 น. ค่าเงินบาทอยู่ที่ 34.86 บาทต่อเหรียญ ด้านตลาดหุ้นเอเชียคลื่อนไหวอย่างผันผวน ขณะที่นักลงทุนระมัดระวังการซื้อขายก่อนที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ จะกล่าวสุนทรพจน์ต่อสภาคองเกรสในวันนี้
นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทยวันนี้เคลื่อนไหวผันผวนในกรอบจำกัด ขณะที่นักลงทุนชะลอการลงทุนเพื่อลดความเสี่ยงก่อนที่ ทรัมป์ จะประกาศแผนลดภาษีครั้งใหญ่ในคืนวันนี้ ทำให้มูลค่าการซื้อขายโดยรวมยังเบาบาง หุ้นในกลุ่ม Big Cap ยังไร้ปัจจัยหนุน หุ้นขนาดกลาง-เล็กยังมีความเสี่ยงจากแรง Sell on Fact ซึ่งวันนี้เป็นวันสุดท้ายที่บริษัทจดทะเบียนจะส่งงบการเงินปี 59
การลงทุนยังเน้นกลุ่มให้ปันผลดี, แนวโน้มกำไรเติบโต และมีปัจจัยหนุนเฉพาะตัว หุ้นเด่นเลือก KKP-TISCO-KTB-WORK-EASON-PLANB-ESSO-BANPU-TKN-GFPT และ ERW
บล.แอพเพิล เวลธ์ ระบุในบทวิเคราะห์ (28 ก.พ.) ว่า ภาวะตลาดชะลอตัวจากแรงขายหุ้นในกลุ่มหลักๆ หลังจากรายงานผลประกอบการ ส่วนตัวเลขส่งออก ม.ค. ออกมาดีกว่าคาดการณ์ขยายตัวที่ระดับ 8.8% จากช่วงเดียวกันในปีก่อน ขณะที่นักลงทุนยังรอประเมินผลกระทบจากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐในช่วงเช้าวันพรุ่งนี้ โอกาสปรับขึ้นดอกเบี้ยสหรัฐจาก Fed Futures ได้ปรับเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 50 % ยังคงเป็นปัจจัยลบกดดันการลงทุนในตลาดหุ้นเกิดใหม่
กลยุทธ์การลงทุน ประเมินแนวรับหลักที่ 1,550 จุด แนวต้าน 1,580 จุด แนะนำเก็งกำไรตามกรอบการลงทุนเพื่อประเมินผลกระทบจากนโยบายทรัมป์ ระยะสั้นแนะนำซื้อเก็งกำไร GFPT (+การส่งออกไก่ยังขยายตัวจากปัญหาไข้หวัดนกในต่างประเทศ) , ERW (+จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ ม.ค. +6.5 %)
บล.ธนชาต ระบุในบทวิเคราะห์ (28 ก.พ.) ว่า แม้มองการปรับลดลงของ SET วานนี้ เป็นเหตุจากนักลงทุนชะลอการซื้อรอความชัดเจนนโยบายภาษี และการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของทรัมป์ อย่างไรก็ดีเมื่อพิจารณาในทางเทคนิคถือว่า “อ่อนแอ” หลุดแนวรับ 1,560 จุด และมีแนวรับสำคัญถัดไปที่เส้นค่าเฉลี่ย 3 เดือนบริเวณ 1,553 จุด
แนะนำ “ซื้อ” KKP ปรับเป้าหมายพื้นฐานขึ้นเป็น 75 บาท มองสินเชื่อกลับมาเติบโตปีนี้ และการบริหารต้นทุนที่ดีทำให้ KKP สามารถรับมือกับแนวโน้มดอกเบี้ยขาขึ้นได้ดี นอกจากนี้การบริหารเงินทุนที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ทำให้เราปรับ dividend payout เพิ่มเป็น 80-86% ตั้งแต่ปีนี้เป็นต้นไป ส่งผลให้ Dividend yield ปี 2017 จะอยู่ที่ 9.1% หรือ 6.03 บาท/หุ้น โดยไม่ทำให้เงินกองทุนฯ ต่ำกว่า 15% ขณะทีทางเทคนิคตาม Trade Code อยู่ที่ “Let Profit Run” เป้าหมาย 67.5/71.25 บาท…นอกจากนี้แนะนำ:-
1) หุ้นปันผลสูง : TISCO (ปันผลปี 2016 ที่ 3.5 บาท หรือ 5.1%), KTB
2) หุ้นกำไรเติบโต : ESSO กำไรไตรมาส 4/16 ออกมาดีกว่าคาด ค่าการกลั่นยังสูง แนวต้าน 11.8-12.0 บาท, WORK PLANB และ EASON
บล.กรุงศรี ระบุในบทวิเคราะห์ (28 ก.พ.) คงมุมมองเป็นกลางคาด SET ยังเคลื่อนไหวผันผวนในกรอบจำกัด เนื่องจากนักลงทุนยังเลือกชะลอการลงทุนและลดความเสี่ยงก่อนที่ ทรัมป์ จะประกาศแผนลดภาษีครั้งใหญ่ในคืนวันนี้ ทำให้มูลค่าการซื้อขายโดยรวมยังเบาบาง หุ้นในกลุ่ม Big Cap ยังไร้ปัจจัยหนุน ขณะที่หุ้นขนาดกลางถึงเล็กยังมีความเสี่ยงจากแรงขาย Sell on Fact ซึ่งวันนี้เป็นวันสุดท้ายที่บริษัทจดทะเบียนจะส่งงบการเงินของปี 2016
ส่วนประเด็นการปรับเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในตลาดหุ้นไทยของ MSCI ซึ่งจะใช้ราคาปิดวันนี้ในการคำนวณคาดว่าจะส่งผลบวกต่อตลาดไม่มากเนื่องจากน้ำหนักการลงทุนที่เพิ่มขึ้นคิดเป็นมูลค่าการลงทุนต่ำเพียง 12 ล้านเหรียญ ดังนั้นกลยุทธ์การลงทุนช่วงนี้จึงเน้นรอซื้อเมื่อดัชนีอ่อนตัว และ Selective buy หุ้นที่จ่ายปันผลและให้อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลสูงซึ่งยังไม่ขึ้น XD (KKP TISCO SPRC) คาดว่าจะมีความผันผวนน้อยกว่าเมื่อเทียบกับกลุ่มอื่นๆ
กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ : Selective Buy หุ้นเก็งกำไรระยะสั้น : BANPU (ซื้อ/เป้า 23.00 บาท) คาดกำไรสุทธิปีนี้เติบโตก้าวกระโดดเป็น 8,452 ล้านบาทเพิ่มขึ้นกว่า 5 เท่าตัวจากปี 2016 จากการเติบโตของ 2 ธุรกิจหลักคือ ถ่านหิน และ โรงไฟฟ้า, TKN (ซื้อ/เป้า 31.00 บาท) กำไรสุทธิออกมาตามคาดที่ 785 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 97% จากปีก่อน (ดีกว่า Consensus 16%) ส่วนปีนี้คาดกำไรสุทธิโตทำ New high อย่างต่อเนื่องจากยอดขายที่เพิ่มขึ้นและโรงงานใหม่เริ่มทำการผลิตซึ่งจะทำให้กำลังการผลิตเพิ่มขึ้นประมาณ 30%