SET บ่ายยืนลบ โบรกฯ ชู 9 หุ้นเด็ด มีปัจจัยหนุน
SET บ่ายยืนลบ ไร้ปัจจัยหนุนใหม่ พร้อมแนวรับ 1,555 แนวต้าน 1,565-1,570 จุด โบรกฯ ชู 9 หุ้นเด็ด กำไรโต-ปันผลสูง-ดอกเบี้ยขาขึ้น นำโดย KBANK, TMB, KTB, WORK, PLANB, SAWAD, STA, KKP และ TISCO
ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์รายงานตลาดหุ้นไทยดัชนี SET ภาคเช้า (6 มี.ค.) เงียบๆ อิงในทางลง เริ่มวิตกเฟดขึ้นดอกเบี้ยอาจกระทบ Fund Flow อีกทั้งขาดปัจจัยผลักดัน และเงินบาทอ่อนค่าเร็ว ด้านตลาดภูมิภาคแกว่งทั้งบวก-ลบ กลุ่ม TIP อิงทางลง ส่วนนอกกลุ่มส่วนใหญ่บวก สัปดาห์นี้ติดตามตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ส่วนจีนโตชะลอลดเป้า GDP เหลือโต 6.5% บ่ายนี้คาดตลาดฯผันผวนในกรอบและเสี่ยงขาลง ให้แนวรับ 1,555 แนวต้าน 1,565-1,570 จุด
น.ส.ธีรดา ชาญยิ่งยงค์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้ค่อนข้างเงียบอิงในทางลง เนื่องจากเริ่มหันมาวิตกการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) หลังจากมีความชัดเจนมากขึ้นว่าจะมีการปรับขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมเดือน มี.ค.นี้ ซึ่งอาจจะกระทบกระแสเงินทุน (Fund Flow) อีกทั้งตลาดฯ ยังไม่มีปัจจัยเด่นเข้ามาผลักดันให้ปรับตัวขึ้นไปได้ นอกจากนี้เงินบาทก็อ่อนค่าค่อนข้างเร็ว
ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียมีการเคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบ โดยตลาดกลุ่ม TIP จะอิงในทางลง ส่วนตลาดนอกกลุ่ม TIP ส่วนใหญ่อยู่ในแดนบวก อย่างไรก็ดี สัปดาห์นี้ให้ติดตามตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ส่วนเศรษฐกิจจีนถือว่าไม่ได้ดีมาก เพราะปีนี้ได้ปรับลดประมาณการเป้าหมาย GDP เป็นเติบโต 6.5% ซึ่งเป็นการเติบโตชะลอลง
แนวโน้มการลงทุนในช่วงบ่ายนี้ ช่วงที่ตลาดฯยังขาดปัจจัยผลักดันให้ฟื้นตัว ทำให้ยังมีความเสี่ยงในทางขาลงอยู่ อย่างไรก็ดี ให้จับตาดัชนีฯที่ระดับ 1,560 จุด หากยืนไม่ได้ก็มีความเสี่ยงในทางลงต่อ พร้อมให้แนวรับ 1,555 จุด ส่วนแนวต้าน 1,565-1,570 จุด
บล.ธนชาต ระบุในบทวิเคราะห์ (6 มี.ค.) SET โอกาส Fed ขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมกลางเดือน มี.ค.เพิ่มขึ้น ส่งผลค่าเงินดอลลาร์ฯ แข็งค่าขึ้น และ Bond yield เร่งตัวขึ้น ทำให้เกิดการเคลื่อนย้ายเงินทุนเข้าสู่สินทรัพย์ ในรูปเงินดอลลาร์ฯ และกดดัน SET ตั้งแต่เปิดตลาด ประเมินแนวรับ 1,556 จุด อิงเส้นค่าเฉลี่ย 3 เดือนขณะที่ แนะนำ “ซื้อ” 1) ธนาคารขนาดใหญ่ ที่ได้รับผลดีจากแนวโน้มดอกเบี้ยขาขึ้น KBANK TMB KTB 2) กลุ่มหุ้นกำไรเติบโตสูง WORK PLANB SAWAD และ STA และ 3) หุ้นปันผลสูง อย่าง KKP TISCO
ในขณะเดียวกัน แนะนำ “ซื้อ” KKP ด้วยเป้าหมายพื้นฐาน 75 บาท จาก 1) ปันผลสำหรับ 2H16 ที่ 4 บาท /หุ้น คิดเป็น Dividend yield 6% จะ XD วันที่ 28 เม.ย.นี้ และจ่ายเงินปันผล 3 พ.ค.2) การบริหารเงินทุนที่ดี ทำให้ KKP สามารถจ่ายเงินปันผลสูง ด้วย payout ratio 80-86% ในปี 2017-18 หรือคาดว่าจะจ่ายเงินปันผลได้มากกว่า 6 บาท/หุ้น คิพดเป็นอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลสูงกว่า 9% ในปี 2017-18 (จ่ายปีละ 2 ครั้ง) ขณะที่เงินกองทุน Tier I สูงกว่า 15% 3) สินเชื่อมีแนวโน้มฟื้นตัว +4.6% ปีนี้ จากหดตัวลงก่อนหน้า และ 4) ผลกระทบจากแนวโน้มดอกเบี้ยขาขึ้น ของธุรกิจเช่าซื้อรถยนต์น้อยลงกว่าในอดีตมาก เนื่องจากมี CASA สูง 56% ของเงินทุนปี 2017 เทียบกับปี 2013 ที่มีสัดส่วน CASA ต่ำเพียง 13%
สรุปหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับ ได้แก่
AOT มูลค่าการซื้อขาย 927.76 ล้านบาท ปิดที่ 38.25 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง
PTT มูลค่าการซื้อขาย 916.92 ล้านบาท ปิดที่ 392.00 บาท ลดลง 4.00 บาท
GL มูลค่าการซื้อขาย 784.00 ล้านบาท ปิดที่ 48.75 บาท ลดลง 4.00 บาท
IRPC มูลค่าการซื้อขาย 578.34 ล้านบาท ปิดที่ 4.94 บาท ลดลง 0.06 บาท
PTL มูลค่าการซื้อขาย 515.05 ล้านบาท ปิดที่ 15.90 บาท เพิ่มขึ้น 0.60 บาท