SET ซึมตัว เลือกสอย 9 หุ้นร้อนมีปัจจัยหนุน

นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทยวันนี้ซึมตัวเนื่องจากขาดปัจจัยใหม่ชี้ทำทิศทางดัชนี นอกจากนี้เงินบาทที่อ่อนค่าเป็นเหตุผลทำให้นักลงทุนต่างชาติขายหุ้นไทย ขณะที่ภาพรวมการลงทุนในสัปดาห์นี้ถึงสัปดาห์หน้ายังมีความไม่แน่นอนจากประเด็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด และการเลือกตั้งประธานาธิบดีของเนเธอร์แลนด์ทำให้นักลงทุนจะยังชะลอการลงทุนเพื่อรอความชัดเจนจากประเด็นดังกล่าว


ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์ รายงาน เช้านี้ ณ เวลา 9.25 น. ค่าเงินบาทอยู่ที่ 35.14 บาทต่อเหรียญ ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลง ตามทิศทางของตลาดหุ้นนิวยอร์ก เนื่องจากนักลงทุนวิตกเกี่ยวกับความไม่แน่นอนด้านนโยบายของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ นอกจากนั้นยังระมัดระวังการซื้อขายก่อนที่สหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนก.พ.ในวันศุกร์นี้

นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทยวันนี้ซึมตัวเนื่องจากขาดปัจจัยใหม่ชี้ทำทิศทางดัชนี นอกจากนี้เงินบาทที่อ่อนค่าเป็นเหตุผลทำให้นักลงทุนต่างชาติขายหุ้นไทย ขณะที่ภาพรวมการลงทุนในสัปดาห์นี้ถึงสัปดาห์หน้ายังมีความไม่แน่นอนจากประเด็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด และการเลือกตั้งประธานาธิบดีของเนเธอร์แลนด์ทำให้นักลงทุนจะยังชะลอการลงทุนเพื่อรอความชัดเจนจากประเด็นดังกล่าว ส่วนวันนี้คาดว่าจะมีแรงขายในหุ้นกลุ่มหลักอย่าง พลังงาน, แบงก์ และสื่อสาร การลงทุนเก็งกำไรหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว หรือเลือกสะสมหุ้นปันผล หุ้นเด่นเลือก SPRC-KKP-SCC-CPF-GFPT-KCE-HANA-TTA และ PSL

 

นายกิติชาญ ศิริสุขอาชา ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์รายย่อย บล.ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) เปิดเผยถึงตลาดหุ้นไทยเช้านี้ (8 มี.ค.) มีแนวโน้มซึมตัวเนื่องจากขาดปัจจัยใหม่เข้ามา ขณะที่ตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่จะติดลบ เนื่องจากนักลงทุนต่างชาติยังขายอยู่ทำให้กดดันดัชนีฯและมีโอกาสที่จะลงไปทดสอบแถว 1,540 ซึ่งก็ต้องดูว่าจะยืนได้หรือไม่

นอกจากนี้ ราคาน้ำมันยังปรับตัวลงต่อเนื่อง อันเป็นผลจากเงินดอลลาร์สหรัฐฯแข็งค่า ส่งผลให้มีแรงขายหุ้นในกลุ่มพลังงานออกมา ทั้งนี้การประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) ในวันที่ 14-15 มี.ค.นี้ มีโอกาสที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย จึงส่งผลให้เงินดอลลาร์สหรัฐฯแข็งค่า ขณะที่เงินบาทอ่อนค่าลง ซึ่งเป็นเหตุผลที่ทำให้นักลงทุนต่างชาติขายหุ้นไทย และตราสารหนี้ออกมาอย่างต่อเนื่อง 6 – 7 วันที่ผ่านมาแล้วสอดคล้องกับเงินบาทที่อ่อนค่า

ส่วนการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) ในวันที่ 9 มี.ค.นี้ คาดว่าจะยังไม่มีมาตรการอะไรออกมา ดังนั้นตลาดจึงน่าจะปรับฐานลงต่อ โดยคาดว่าจะมีแรงขายจากหุ้นในกลุ่มพลังงาน, กลุ่มแบงก์ และกลุ่มสื่อสาร พร้อมให้แนวรับ 1,544 จุด ส่วนแนวต้าน 1,556 จุด

 

บล.ธนชาต ระบุในบทวิเคราะห์ (8 มี.ค.) การ “ปรับพอร์ต” ของนักลงทุนต่างชาติก่อนการขึ้นดอกเบี้ย Fed กลางเดือนนี้ กดดัน SET ต่อเนื่องประเมินแนวรับ 1,546 จุด ขณะที่ Trade Code มีหุ้น Momentum “ลบ” เพิ่มขึ้นเป็น 70%…ขณะที่รายงาน Pathumwan Corner วันนี้ มองการขึ้นดอกเบี้ย Fed ที่เร็วกว่าคาด ส่งผล

คาดการณ์กำไร SET +6.6% ปีนี้ ทำสูงสุดใหม่ที่ 102 บาท และเศรษฐกิจเร่งตัวขึ้น +3.3% แต่แนวโน้มการขึ้นดอกเบี้ย Fed ที่เร็วกว่าคาดจะทำให้ความน่าสนใจลงทุน SET ลดลง ซึ่งเห็นได้จาก earnings yield gap ที่มีแนวโน้มลดลง และปัจจุบันต่ำกว่าค่าเฉลี่ย – 1 standard deviation

แนะนำ “ซื้อ” SCC ราคาพื้นฐาน 580.00 บาท ล่าสุดเข้าซื้อโรงปูนขนาด 3.1 ล้านตัน/ปี เปิดทางขยายธุรกิจในเวียดนามมากขึ้น ขณะที่ระยะสั้นได้ผลดีจากราคาผลิตภัณฑ์ปิโตรฯ แข็งแกร่งหนุนกำไรไตรมาส 1/17 ออกมาดี ขณะที่ TradeCode อยู่ “Let profit run” เป้าหมายระยะสั้น 534.00/558.00 บาท

และแนะนำ “ซื้อ” KKP เพื่อรับปันผล 6% XD วันที่ 28 เม.ย.นี้ ขณะที่สินเชื่อที่กลับมาโต 4.6% ปีนี้ และเงินกองทุน Tier 1 สูงกว่า 15% คาดสามารถจ่ายเงินปันผลได้สูงกว่า 9% ในปี 2017 – 18

 

บล.กรุงศรี ระบุในบทวิเคราะห์ (8 มี.ค.) คงมุมมองเป็นกลางถึงลบเนื่องจากภาพรวมการลงทุนในสัปดาห์นี้ถึงสัปดาห์หน้ายังมีความไม่แน่นอนจากประเด็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด และการเลือกตั้งประธานาธิบดีของเนเธอร์แลนด์ทำให้นักลงทุนจะยังชะลอการลงทุนเพื่อรอความชัดเจนจากประเด็นดังกล่าว ค่าเงินบาทอ่อนค่าต่อเนื่องสะท้อน  Fund Flow ต่างชาติยังไหลออกกดดันหุ้นในกลุ่ม Big Cap อาทิ พลังงาน ธนาคาร และสื่อสาร หุ้นในกลุ่มไฟแนนซ์ยังถูกกดดันจากอัตราดอกเบี้ยเข้าสู่แนวโน้มขาขึ้น ส่วนหุ้นขนาดกลางถึงเล็กเน้นเก็งกำไรหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว อาทิ กลุ่มที่ได้ประโยชน์จากค่าเงินบาทอ่อนค่า คือ อิเล็กทรอนิกส์ (KCE HANA) และกลุ่มอาหาร (CPF GFPT) กลุ่มเดินเรือ (PSL TTA) ดัชนีค่าระวางเรือ BDI เพิ่มขึ้นต่อเนื่องอีก 54 จุด เป็น 1,033 จุด (+5.52%), รวมถึงหุ้นที่จ่ายปันผลสูง (KKP SPRC)

กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ : Buy on Weakness หุ้นเก็งกำไรระยะสั้น : HANA (ซื้อ/เป้า 54.00 บาท) คาดแนวโน้มกำไรสุทธิไตรมาส 1/17 โตก้าวกระโดดเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนรับผลบวกจากยอดขาย Semiconductor ทั่วโลกเติบโตมากที่สุดในรอบ 6 ปี

 

บล.แอพเพิล เวลธ์ ระบุในบทวิเคราะห์ (8 มี.ค.) ว่า นักลงทุนยังรอดูถ้อยแถลงจากเฟดเพื่อประเมินทิศทางอัตราดอกเบี้ยสหรัฐในสัปดาห์หน้า ช่วงเช้านี้ติดตามรายงานส่งออกจีน ก.พ. คาดเติบโต +14% จากช่วงเดียวกันในปีก่อน กลยุทธ์การลงทุน ดัชนีมีแนวรับบริเวณ 1,546 จุด หากยืนไม่ได้ทิศทางดัชนียังมีโอกาสอ่อนตัวลงสู่ระดับ 1,530 จุด ให้น้ำหนักซื้อเก็งกำไรเมื่อดัชนีอ่อนตัว แนะนำเก็งกำไรระยะสั้น TTA และ PSL (+ BDI วานนี้ +5.52 %)

Back to top button