GL ป่วนกลุ่มลีสซิ่ง SET อ่อนตัวต่อเนื่อง

นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทยวันนี้มีแนวโน้มอ่อนตัวต่อเนื่อง ตลาดยังมีปัจจัยเสี่ยงจากภายนอกโดยเฉพาะการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด ขณะที่ทิศทาง Fund Flow ต่างชาติยังคงชะลอการลงทุนในกลุ่มตลาด TIP ส่วนปัจจัยลบในประเทศยังเป็นประเด็นเดิมคือกังวลความโปร่งใสในการทำธุรกิจของ GL ทำให้หุ้น GL ยังมีความเสี่ยงปรับตัวลงเป็นลบต่อ Sentiment การลงทุนในกลุ่มลีสซิ่ง และหุ้นขนาดกลางและเล็กอื่นๆ


ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์ รายงาน เช้านี้ ณ เวลา 9.25 น. ค่าเงินบาทอยู่ที่ 35.29 บาทต่อเหรียญ ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียเคลื่อนไหวอย่างผันผวน โดยตลาดหุ้นโตเกียวปรับตัวลงเนื่องจากเงินเยนแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ส่วนตลาดหุ้นอื่นๆในภูมิภาคปรับตัวขึ้นตามทิศทางตลาดหุ้นนิวยอร์ก ขานรับตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐที่แข็งแกร่งในเดือน ก.พ.

นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทยวันนี้มีแนวโน้มอ่อนตัวต่อเนื่อง ตลาดยังมีปัจจัยเสี่ยงจากภายนอกโดยเฉพาะการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด ขณะที่ทิศทาง Fund Flow ต่างชาติยังคงชะลอการลงทุนในกลุ่มตลาด TIP ส่วนปัจจัยลบในประเทศยังเป็นประเด็นเดิมคือกังวลความโปร่งใสในการทำธุรกิจของ GL ทำให้หุ้น GL ยังมีความเสี่ยงปรับตัวลง เป็นผลลบต่อ Sentiment การลงทุนในกลุ่มลีสซิ่ง และหุ้นขนาดกลางและเล็กอื่นๆ

การลงทุนเน้นเก็งกำไรระยะสั้นในหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว หรือสะสมหุ้นปันผลดี และแนวโน้มกำไรปีนี้เติบโต หุ้นเด่นเลือก KBANK-TMB-KTB-KKP-EPG-TASCO-PSL-TTA-SPRC-KCE-HANA-CPF-GFPT-SCC และ PTTGC

 

บล.ธนชาต ระบุในบทวิเคราะห์ (13 มี.ค.) SET มีแนวโน้มอ่อนตัวต่อเนื่องวันนี้ด้วยแนวรับ 1,532 จุด จาก 1) ราคาน้ำมันดิบ Brent ปรับลดลง -1.6% กดดันหุ้นกลุ่มพลังงาน 2) แรงขาย GL ที่มีเข้ามาต่อเนื่อง และการถูกนำเข้าซื้อขายในบัญชี Cash Balance ตั้งแต่ 13 มี.ค.-21 เม.ย. อาจส่งผลให้นักลงทุนที่มี GL ในพอร์ตมีการ “ปรับพอร์ต” ซึ่งจะเป็นปัจจัยกดดันหุ้นตัวอื่นๆ ได้ด้วยเช่นกัน…ขณะที่การประชุม Fed วันที่ 15 มี.ค.นี้ คาดขึ้นดอกเบี้ย 0.25% เป็น 1% หนุนค่าเงินบาทอ่อนค่า และกระแสเงินทุนไหลออกต่อเนื่อง

แม้ภาพ SET โดยรวมดูอ่อนแอ จากการ “ปรับพอร์ต” ของนักลงทุนต่างชาติ แต่ยังสามารถ “Selective” ได้ แนะนำ 1) “ซื้อ” กลุ่มธนาคารขนาดใหญ่: ได้ผลดีจากแนวโน้มดอกเบี้ยขาขึ้นอย่าง KBANK TMB KTB (นักลงทุนต่างชาติถือหุ้นไม่มาก ทำให้ได้รับผลกระทบจากการปรับพอร์ตน้อยกว่าธนาคารใหญ่อื่นๆ และคาดปันผล 4.5%) และ “ซื้อ” KKP ปรับปันผล 6% ในอีก 3 เดือน และ 9% ปีนี้ และ 2) “ซื้อ” SCC และ PTTGC ผลดีจาก spread ปิโตรฯ สูง

 

บล.กรุงศรี ระบุในบทวิเคราะห์ (13 มี.ค.) คงมุมมองเป็นลบคาด SET ยังผันผวนในทิศทางลง เนื่องจากตลาดยังมีปัจจัยเสี่ยงจากภายนอกโดยเฉพาะการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด และการเลือกตั้งของเนเธอร์แลนด์ในวันที่ 15 มี.ค. รวมไปถึงราคาน้ำมันดิบที่ลดลงแรงต่อเนื่องเป็นวันที่ 3 หลังจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันดิบในสหรัฐเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่ 8 และมีข่าวพบแหล่งน้ำมันดิบบนบกของสหรัฐใหญ่ที่สุดในรอบกว่า 30 ปี กดดัน Sentiment การลงทุนและผลประกอบการของกลุ่มพลังงานในไตรมาส 1/17

ส่วนปัจจัยลบในประเทศยังเป็นประเด็นเดิมคือกังวลความโปร่งใสในการทำธุรกิจของ GL ทำให้หุ้น GL ยังมีความเสี่ยงปรับตัวลงเป็นลบต่อ Sentiment การลงทุนในกลุ่มลีสซิ่ง และหุ้นขนาดกลางและเล็กอื่นๆ ดังนั้นกลยุทธ์การลงทุนในระยะนี้จึงเน้น Selective Buy หุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว อาทิ 1) หุ้นที่ได้ผลบวกจากราคาน้ำมันดิบลดลง อาทิ EPG TASCO, 2) กลุ่มเดินเรือ (PSL TTA) ดัชนีค่าระวางเรือ BDI เพิ่มขึ้นต่อเนื่องอีก 22 จุด ปิดที่ 1,086 จุด (+2.07%), 3)หุ้นที่จ่ายปันผลสูง (KKP SPRC) และ 4) กลุ่มที่ได้ประโยชน์จากค่าเงินบาทอ่อนค่า คือ อิเล็กทรอนิกส์ (KCE HANA) และกลุ่มอาหาร (CPF GFPT)

กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ : Selective Buy หุ้นเก็งกำไรระยะสั้น : KKP (ซื้อ/เป้าใหม่ 74.00 บาท เดิม 65.00 บาท) สะท้อนการปรับเพิ่มคาดการณ์กำไร และ ROE ที่สูงขึ้นในปีนี้ อีกทั้งยังเป็นหุ้นที่จ่ายปันผลสูงทำให้ KKP เป็นหุ้นที่ปลอดภัยในภาวะตลาดผันผวน โดย KKP ประกาศจ่ายปันผลครึ่งปีหลังสูงถึง 4 บาทต่อหุ้นให้ผลตอบแทนจากเงินปันผล 6% กำหนด XD 28 เม.ย. ขณะที่ปีนี้คาดจ่ายปันผล 5.50 บาทให้ผลตอบแทนจากปันผล 8.3%

 

บล.แอพเพิล เวลธ์ ระบุในบทวิเคราะห์ (13 มี.ค.) ว่า ทิศทางการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติยังคงขายสุทธิเพื่อปิดความเสี่ยงจากโอกาสการขึ้นดอกเบี้ยสหรัฐในกลางสัปดาห์นี้ ขณะที่หุ้นกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมีปรับตัวลดลงหลังจากราคาน้ำมัน WTI ต่ำกว่าระดับ 50 ดอลลาร์/บาร์เรล ทิศทาง Fund Flow ต่างชาติยังคงชะลอการลงทุนในกลุ่มตลาด TIP สัปดาห์นี้ติดตามการประชุม FOMC วันพุธ, การประชุม BOE, BOJ ซึ่งคาดธนาคารกลางทั้ง 2 แห่งยังคงมาตรการเงินไว้ที่ระดับเดิม ส่วนการเลือกตั้งในเนเธอร์แลนด์จะมีขึ้นในวันพุธนี้

กลยุทธ์การลงทุน ประเมินแรงขายจากต่างชาติน่าจะเริ่มชะลอตัว หากเฟดส่งสัญญาณค่อยๆ ทยอยปรับขึ้นดอกเบี้ย โดยดัชนี SET มีแนวรับ 1,520 – 1,530 จุด แนวต้าน 1,550 – 1,560 จุด แนะนำซื้อเก็งกำไร KTB หากราคาอ่อนตัว โดยมีอัตรา Dividend Yield ที่ 3.8%

Back to top button