คัด 9 หุ้นสุดเจ๋ง เน้น Laggards-รับอานิสงส์ ม.44SET ผันผวนสูง ลุ้น Outperform ตลาดภูมิภาค
นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทยวันนี้จะสามารถปรับตัวขึ้นต่อได้ แต่ในระหว่างวันจะผันผวนสูง โดยคาดว่าทุนต่างชาติไหลเข้าจะแข็งแกร่งขึ้นหลังไทยยกเลิกกฎอัยการศึก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เช้านี้ ณ เวลา 9.27 น. ค่าเงินบาทอยู่ที่ 32.466 บาทต่อเหรียญ ด้านตลาดหุ้นเอเชียเคลื่อนไหวอย่างผันผวนในช่วงเช้าวันนี้ ขณะที่ตลาดหุ้นส่วนใหญ่ปิดทำการเนื่องในวัน Good Friday นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทยวันนี้จะสามารถปรับตัวขึ้นต่อได้ แต่ในระหว่างวันจะผันผวนสูง โดยคาดว่าทุนต่างชาติไหลเข้าจะแข็งแกร่งขึ้นหลังไทยยกเลิกกฎอัยการศึก หุ้นเด่นเลือก SPALI-TPCH-BTS-BEC-RCL-BJCHI-TASCO-IVL และ UWC
บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ (3 เม.ย.) ว่า ทิศทางตลาดหุ้นวันนี้ KGI คาด SET วันศุกร์บวกต่อ แต่ในระหว่างวันจะผันผวนสูง (คล้ายวานนี้ 2 เม.ย.) ทุนต่างชาติไหลเข้าน่าจะแข็งแกร่งขึ้นหลังไทยยกเลิกกฎอัยการศึก และตลาดการเงินโลกคลายกังวลเรื่องสหรัฐฯจะขึ้นดอกเบี้ยเร็วหลังตัวเลขเศรษฐกิจช่วงที่ผ่านมาชะลอ (ด้านตัวเลขจ้างงานมี.ค.ที่จะออกคืนนี้ ตลาดคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 2.4 แสนคนและอัตราว่างงานจะทรงตัว) ล่าสุดโบรกเกอร์ต่างชาติแห่งหนึ่งปรับมุมมองต่อ SET เป็นเชิงบวกมากขึ้นหลังตลาดปรับฐานแรงไปแล้ว
ด้านราคาน้ำมันปรับลงหลังอิหร่านบรรลุข้อตกลงเบื้องต้นในการจำกัดอาวุธนิวเคลียร์กับชาติตะวันตกและน่าจะกลับมาส่งออกน้ำมันได้ภายในกลางปีนี้ ทั้งนี้ upside อาจจะจำกัดก่อนวันหยุด 3 วัน (4-6 เม.ย.) และควรติดตามการเจรจาระหว่างไทยกับกรมการบินพลเรือนญี่ปุ่นต่อไปด้วย แนะนำซื้อขายในกรอบ/เก็งกำไรเร็ว
หุ้นเด่นวันนี้ ตามปัจจัยพื้นฐาน เก็งกำไร SPALI, TPCH
บล.เอเซีย พลัส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ ระบุในบทวิเคราะห์ (3 เม.ย.) แนะนำกลยุทธ์การลงทุน SET ฟื้นตัวและกลับมา Outperform ตลาดหุ้นเพื่อนบ้าน โดยแนะนำหุ้นที่ Laggards เช่น BTS, SPALI และ BEC วันนี้ยังเลือก RCL ([email protected]) เป็น Top Pick เพราะนอกจากได้ประโยชน์จากน้ำมันที่ทรงตัวในระดับต่ำแล้ว ยังมีสัญญาณบวกจากดัชนีขนส่งสินค้าตู้คอนเทนเนอร์ เพิ่มขึ้นสูงถึง 4% wow และจากสถิติในอดีต มักให้ผลตอบแทนชนะตลาดในช่วงก่อนเทศกาลสงกรานต์
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ (3 เม.ย.) คงมุมมองการลงทุนเป็น “กลาง” วันที่ 11 พร้อมประเมินกรอบแกว่งระหว่าง 1,520-1,535/40 จุด อีกทั้งเป็นการเข้าสู่ช่วงคาบเกี่ยววันหยุดยาวของตลาดหุ้นไทย Financial Hub ของเอเชียอย่างฮ่องกง และสิงคโปร์ที่ปิดทำการในวันนี้ ทำให้กระแสเงินทุนต่างชาติมีแนวโน้มชะลอตัว อาจทำให้มูลค่าการซื้อขายลดลงเหลือ 3 หมื่นล้านบาทเท่านั้น
ทั้งนี้ Downside risk ของ SET INDEX ยังเป็นไปอย่างจำกัด เนื่องจากทิศทางกระแสเงินทุนต่างชาติที่กลับเข้าตลาดหุ้นไทยทั้งตลาด Spot และ SET50 Index Futures ทำให้คาดหวังว่าจะเห็นFund Flow เข้าตลาดหุ้นไทยต่อเนื่องในสัปดาห์หน้า เมื่อภาพเป็นเช่นนี้ กองทุนภายในประเทศที่ลดน้ำหนักการลงทุนในตลาดหุ้นไทยไปในช่วงเดือนก.พ-มี.ค. ย่อมกลับมาสะสมหุ้นเช่นกัน หากหุ้นหลักในกลุ่มธนาคาร/พลังงาน/ICT ยังสามารถทรงตัวได้แข็งแกร่ง เชื่อว่าประเด็นที่เราประเมินนี้ น่าจะมีน้ำหนักไม่น้อย อีกทั้งภาพรวมผลการดำเนินงานไตรมาสที่ 1/58 ของ 3 กลุ่มหลักมีแนวโน้มเติบโตจากปีก่อน และจากไตรมาสก่อนย่อมเป็นปัจจัยสนับสนุนการไต่ระดับของ SET INDEX ในรอบนี้สู่ 1,550 จุด +/- อาจเห็นในช่วงคาบเกี่ยววันหยุดเทศกาลสงกรานต์ 2 สัปดาห์ข้างหน้าได้
ขณะที่ปัจจัยในสัปดาห์หน้าน้ำหนักตกอยู่ในต่างประเทศเป็นสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นพัฒนาการของกรีซ หรือ รายงานการประชุม FOMC เพื่อประเมินโอกาส/ช่วงเวลาที่เฟดจะพิจารณาขึ้นอัตราดอกเบี้ย ณ ปัจจุบัน ตลาดประเมินไว้ในเดือนก.ย. แต่ที่น่าสนใจคือ การประชุม BoJ ในวันที่ 9 เม.ย. อาจสร้างความประหลาดใจเชิงบวกด้วยการส่งสัญญาณเพิ่มมาตรการเชิงปริมาณ หลังภาพรวมเศรษฐกิจ และอัตราเงินเฟ้อของญี่ปุ่นยังห่างไกลจากเป้าหมายของ BoJ อยู่ไม่น้อ หากเป็นไปตามคาด บรรยากาศการลงทุนรอบโลกจะกลับมาสดใส เป็นบวกต่อตลาดหุ้นไทยทางอ้อมเช่นกัน
กลยุทธ์การลงทุน แนะนำ “นักลงทุนที่ทยอยขายทำกำไรไปบางส่วนช่วง 2 วันทำการที่ผ่านมา อาจเริ่มพิจารณาสะสมหุ้นเป้าหมายบริเวณ 1,520 จุด +/- “โดยเฉพาะหุ้นที่แนวโน้มผลการดำเนินงานเด่นในไตรมาสที่ 1/58 หรือมีการประชุมผู้ถือหุ้นที่สำคัญรอการพิจารณาในช่วงนี้
Accumulative Buy: BJCHI-TASCO
บล.ธนชาต ระบุในบทวิเคราะห์ (3 เม.ย.) ว่า SET มีแนวโน้มเคลื่อนไหว Sideways ก่อนหยุดยาว SET ปรับสูงขึ้นต่อเนื่องเพิ่มขึ้น 0.44% ปิดที่ 1,532.23 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 4.3 หมื่นล้านบาท นักลงทุนต่างชาติซื้อหุ้นสุทธิ 762 ล้านบาท
สำหรับแนวโน้ม SET ช่วงปลายสัปดาห์ คาดเคลื่อนไหว Sideways ในกรอบ 1,522-1,538 จุด เป็นการย่ำฐานก่อนหยุดยาวสุดสัปดาห์ โดยการประกาศยกเลิกกฎอัยการศึก คาดว่าจะเป็นปัจจัยบวกต่อกระแสเงินทุนไหลเข้าเพิ่มขึ้น อีกทั้งธุรกิจโรงแรมและสายการบิน และการเบิกจ่ายงบประมาณที่มีโอกาสเร่งตัวขึ้น ซึ่งเป็นบวกต่อกลุ่มวัสดุก่อสร้าง และรับเหมาฯ
ทั้งนี้แนะนำ “ซื้อ” กลุ่มหุ้นที่ได้รับผลดีจากการยกเลิกกฎอัยการศึก และใช้ ม.44 อย่างกลุ่มรับเหมาฯ (CK-STEC-SEAFCO) กลุ่มวัสดุก่อสร้าง (SCC) กลุ่มหุ้นพลังงานทางเลือก (SAMART) กลุ่มท่องเที่ยว (AOT-CENTEL-MINT)
นอกจากนี้ยังแนะนำ “ซื้อ” กลุ่มโรงกลั่น (TOP-TTGC-BCP) ต่อเนื่องจากรายงานภาคบ่ายวานนี้ คาดผลการดำเนินงานไตรมาสที่ 1/58 กลับมาเป็นบวกอีกครั้งจากค่าการกลั่นในระดับสูง และขาดทุน Stock น้ำมันจำกัด ขณะที่ Valuation ที่ PE 8-10 เท่า ต่ำกว่าตลาด และให้ Div Yield 4.3-5.1%
บล.เคเคเทรด ระบุในบทวิเคราะห์ (3 เม.ย.) มองแนวโน้ม SET วันนี้พักตัวทางขาขึ้น โดยการปรับตัววานนี้ยังมองว่าไม่ได้เกิดจากปัจจัยบวกใหม่ โดยกลุ่มพลังงานนำ SET ขึ้นมาแกว่งตัวในแดนสูงไปกับราคาน้ำมันดิบที่กระโดดลอยตัว ขณะที่หุ้นกลุ่มอื่นๆ แกว่งตัวบวกลบสลับกัน มองว่าปัจจัยด้านปริมาณการซื้อขายที่หดหายและยอดนักลงทุนต่างชาติกับสถาบันที่ยังไม่ชัดเจนจะยังทำให้ตลาดพักตัวในทางขาขึ้นต่อ
วันนี้มีปัจจัยสำคัญ ดังนี้ ตลาดหุ้นต่างประเทศในประเทศหลักหลายแห่ง เช่น สหรัฐจะปิดทำการวัน Good Friday และยาวไปจนอิสเตอร์ในวันจันทร์ ซึ่งเมื่อประกอบกับการเข้าใกล้วันหยุดยาวของไทยด้วย จึงมองว่ามีโอกาสที่ SET จะมีวอลุ่มซื้อขายที่เบาบางอยู่ไม่สนับสนุนการเคลื่อนไหวของ SET ในทางบวกหรือลบอย่างมีน้ำหนัก
ขณะที่สหรัฐประกาศตัวเลขดุลการค้าเมื่อคืนออกมาแข็งแกร่งกว่าคาด โดยมียอดขาดดุลการค้าลดลงเกินคาดสู่ 3.54 หมื่นล้านดอลลาร์ ในเดือน ก.พ. จาก 4.18 หมื่นล้านดอลลาร์ ในเดือน ม.ค. ซึ่งเป็นการขาดดุลการค้าที่ต่ำสุดตั้งแต่ปี 2552 และ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในสัปดาห์ที่ 268,000 ราย ลดลง 5% จากสัปดาห์ก่อนและต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ โดยประเมินว่า ตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯที่ออกมาดีขึ้นจะทำให้มีโอกาสที่นักเศรษฐศาสตร์จะปรับเพิ่มประมาณการจีดีพีไตรมาสที่ 1/58 ซึ่งจะสะท้อนไปถึงการตัดสินใจขึ้นดอกเบี้ยของเฟดในการประชุมครั้งถัดไป
สำหรับทางเทคนิค SET ยังคงอยู่ในแนวโน้มขาขึ้นระยะสั้น ยืนบนเส้นค่าเฉลี่ย 10 วันได้วันที่สอง จึงมี Sentiment ทางเทคนิคที่ดีขึ้นจากช่วงต้นสัปดาห์ แต่ยังไม่สิ้นสุดขาลงรอบใหญ่เพราะยังซื้อขายอยู่ใต้เส้นค่าเฉลี่ย 200 วัน ที่ 1,545 จุด
กลยุทธ์การลงทุน ระยะ 1-2 วัน หาก SET ยังปิดไม่ต่ำกว่า 1,510 – 1,515 จุด ยังแนะนำอ่อนตัวซื้อเก็งกำไรได้แต่ไม่ให้ไล่ราคา กรณี SET ปิดต่ำกว่าบริเวณดังกล่าว แนะนำลดสัดส่วนการลงทุนถือครองเงินสด สำหรับนักลงทุนระยะกลาง สามารถถือหุ้นเพื่อไปรอขายช่วงปลายเดือนนี้จากปัจจัยที่มองว่าหุ้นจะฟื้นตัวจากสงกรานต์ effect
บล.กรุงศรี ระบุในบทวิเคราะห์ (3 เม.ย.) มุมมองทางเทคนิค ดัชนีตลาดปรับขึ้นเล็กน้อยแต่เมื่อตรวจสอบดูสัญญาณทางเทคนิคแล้วพบว่า SET ยังทรงตัวบนเส้นค่าเฉลี่ยระยะสั้น 10 วันสอดคล้องกับสัญญาณ a bullish divergence แสดงให้เห็นว่าตลาดเคลื่อนไหวบนเงื่อนไขของสัญญาณแนวโน้มขึ้น
แนวโน้มของตลาดจะเคลื่อนไหวที่กรอบแนวรับ 1512-1535 จุด หุ้นที่เลือกวันนี้มีโอกาสปรับขึ้น แนะนำซื้อเก็งกำไรที่กรอบแนวรับ-แนวต้าน หุ้นที่น่าสนใจ IVL-UWC