SET อ่อนตัว ชง 18 หุ้นเด็ดเน้นเก็งกำไร

นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทยวันนี้ผันผวนและมีโอกาสปรับตัวลงตามตลาดต่างประเทศ ขณะที่การปรับตัวขึ้นวานนี้เชื่อว่าเป็นเพียง Technical Rebound เท่านั้น การลงทุนจึงแนะนำแค่เก็งกำไร ส่วนหุ้น GL แนะนำให้จับตาว่าจะสามารถยืนได้หรือไม่ ถ้ายืนได้อาจยังมีแรงเก็งกำไรอยู่


ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์ รายงาน เช้านี้ ณ เวลา 9.20 น. ค่าเงินบาทอยู่ที่ 35.25 บาทต่อเหรียญ ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลงตามทิศทางของตลาดหุ้นนิวยอร์ก หลังจากมีรายงานว่าสมาชิกของกลุ่มโอเปกหลายรายยังคงผลิตน้ำมันเกินกว่าโควตาที่กำหนด นอกจากนี้ นักลงทุนยังชะลอการซื้อขายก่อนที่จะทราบผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันนี้ตามเวลาสหรัฐ

นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทยวันนี้ผันผวนและมีโอกาสปรับตัวลงตามตลาดต่างประเทศ ขณะที่การปรับตัวขึ้นวานนี้เชื่อว่าเป็นเพียง Technical Rebound เท่านั้น การลงทุนจึงแนะนำแค่เก็งกำไร ส่วนหุ้น GL แนะนำให้จับตาว่าจะสามารถยืนได้หรือไม่ ถ้ายืนได้อาจยังมีแรงเก็งกำไรอยู่ หุ้นเด่นเลือก AAV-BCH-CHG-HANA-KBANK-TMB-KTB-SAWAD-SCC-PTTGC-KKP-WORK-CPF-GFPT-BIG-TASCO-TIPCO และ PTL

 

บล.แอพเพิล เวลธ์ ระบุในบทวิเคราะห์ (15 มี.ค.) ภาวะการซื้อขายวานนี้เริ่มฟื้นตัวตามตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชีย ประกอบกับ GL ได้ชี้แจงรายละเอียดการปล่อยกู้ให้กับ ตลท. ส่งผลให้ความกังวลของนักลงทุนเริ่มลดลงประเด็นสำคัญวันนี้ต้องติดตามผลการประชุม FOMC เย็นวันนี้ หากเฟดไม่ส่งสัญญาณเร่งขึ้นดอกเบี้ย ดัชนีน่าจะเริ่มฟื้นตัว ส่วนการเลือกตั้งในเนเธอร์แลนด์ พรรคอดีตนายกฯ รุตเตคาดยังมีคะแนนนำจากโพลสำรวจ กลยุทธ์การลงทุน คาดดัชนี SET ยังแกว่งตัวในกรอบ 1,530 – 1,550 จุด เพื่อรอประเมินผลการประชุมเฟด ระยะสั้นแนะนำเก็งกำไรหุ้นที่มีสัญญาณบวกทางเทคนิค เช่น TIPCO และ PTL

 

นายถนอมศักดิ์ สหรัตน์ชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการและหัวหน้าฝ่ายวิจัย บล.เคที ซีมิโก้ เปิดเผยถึงตลาดหุ้นไทยเช้านี้ (15 มี.ค.) คาดว่าจะอ่อนตัวลงตามตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียที่เช้านี้ต่างปรับตัวลงกันทั่วหน้า ตามดัชนีดาวโจนส์ โดยตลาดฯต่างรอดูผลการประชุมเฟดในวันนี้ พร้อมคาดว่าหุ้นบิ๊กแคปจะยังอ่อนตัวลง นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงถ่วงจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวลงด้วย อย่างไรก็ตามให้จับตาหุ้น GL จะยืนได้หรือไม่ ถ้ายืนได้อาจยังมีแรงเก็งกำไรกันอยู่ พร้อมให้แนวรับดัชนี 1,538 – 1,531 จุด ส่วนแนวต้าน 1,550 จุด

 

บล.ธนชาต ระบุในบทวิเคราะห์ (15 มี.ค.) ว่า การฟื้นตัวของ SET เมื่อวานนี้ มองเป็น Technical Rebound เท่านั้น ด้วยแนวต้าน 1,546 +/- จุด เป็นเพียงโอกาสในการ “เก็งกำไร” แต่ไม่ใช่จังหวะที่จะ “เพิ่มพอร์ต” เนื่องจาก 1) Valuation ของ SET ยังอยู่ในโซนสูง 15 เท่า และ 2) การขึ้นดอกเบี้ย Fed เร็วกว่าที่คาดไว้ จะส่งผลให้ Bond yield ทั้งต่างประเทศ และในประเทศเร่งตัวขึ้น ทำให้ earnings yield gap ที่เปรียบเทียบความน่าสนใจลงทุนในหุ้น เทียบกับพันธบัตรระยะยาว ไม่น่าสนใจ

แนะนำ “Selective” ต่อเนื่องใน 1) “ซื้อ” กลุ่มธนาคาร & Micro Finance ที่กำไรเติบโตสูง : กลุ่มธนาคารขนาดใหญ่ได้ผลดีดอกเบี้ยขึ้น “ซื้อ” KBANK TMB KTB รวมไปถึง Micro Finance ที่กำไรเติบโตดี อย่าง SAWAD (คาดกำไร +33% ปีนี้ PE 17 เท่า)

2) “ซื้อ” กลุ่มหุ้นที่กำไรไตรมาส 1/17 ออกมาดี ถูกปรับประมาณการกำไรขึ้น : SCC PTTGC KKP และ WORK ขณะที่ “เก็งกำไร” GFPT (แนวต้าน 17.60)

 

บล.กรุงศรี ระบุในบทวิเคราะห์ (15 มี.ค.) มีมุมมองเป็นกลาง แม้นักลงทุนจะมองข้ามประเด็นการขึ้นดอกเบี้ยไปแล้ว แต่สิ่งที่น่าจับตามอง และอาจทำให้ตลาดผันผวนได้คือถ้อยแถลงหลังการประชุมของเฟดว่าจะส่งสัญญาณในการขึ้นอัตราดอกเบี้ยในครั้งถัดไปอย่างไร เนื่องจากตัวเลขทางเศรษฐกิจฝั่งสหรัฐฯ เช่น การลงทุนและการบริโภค ภาคเอกชน และตัวเลขการจ้างงาน ปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นเราจึงมีมุมมอง wait and see มากกว่าที่จะมอง technical rebound แรงต่อเนื่องจากเมื่อวาน อย่างไรก็ดีเรายังชอบสไตล์การลงทุนแบบ selective buy หุ้นที่มีลักษณะเฉพาะ และราคายังไม่กลับฟื้นตัวมากนักจากการการถูกเทขายในช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมา อาทิ 1) กลุ่มที่ได้ผลบวกจากราคาน้ำมันดิบลดลง คือ กลุ่มสายการบิน (AAV) และหุ้นที่มีต้นทุนเป็นน้ำมันดิบ (TASCO), 2) กลุ่มโรงพยาบาล (BCH CHG), 3) หุ้นที่จ่ายปันผลสูง (KKP), 4) กลุ่มที่ได้ประโยชน์จากค่าเงินบาทอ่อนค่าคือ กลุ่มอาหาร (CPF GFPT), และ 5) หุ้นที่ได้รับประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในสหรัฐฯ (HANA)

กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ : Selective Buy หุ้นเก็งกำไรระยะสั้น : BIG (ซื้อ/เป้า 7.00 บาท) ราคาหุ้นยังไม่ฟื้นตัวจาการถูกเทขายในกลุ่ม mid-small cap ในช่วงที่ผ่านมา และมี business model ที่แข็งแกร่ง นอกจากนี้กำไรสุทธิยังเติบโตต่อเนื่องจากปีก่อน

Back to top button