SET ปรับขึ้น จัดทัพ 21 หุ้นร้อน เน้นกลุ่มกำไร Q1 โตดี
นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทยวันนี้มีโอกาสรีบาวด์ต่อเนื่องจากกระแสฟันด์โฟลว์ที่ไหลกลับหลังมีการขายลดความเสี่ยงไปก่อนหน้านี้ การปรับตัวขึ้นของดัชนีเป็นโอกาสในการเข้าเก็งกำไรแต่ไม่ใช่จังหวะที่เพิ่มพอร์ตลงทุน ขณะที่แนะนำให้เก็บสะสมหุ้นที่แนวโน้มผลประกอบการดีในไตรมาสแรกของปีเป็นหลัก
ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์รายงาน เช้านี้ ณ เวลา 9.22 น. ค่าเงินบาทอยู่ที่ 35.60 บาทต่อเหรียญ ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียส่วนใหญ่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ขานรับตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืน หลังธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ พร้อมส่งสัญญาณว่าจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 2 ครั้งนี้ปีนี้ ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของเฟดมีความเชื่อมั่นต่อแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐ
นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทยวันนี้มีโอกาสรีบาวด์ต่อเนื่องจากกระแสฟันด์โฟลว์ที่ไหลกลับหลังมีการขายลดความเสี่ยงไปก่อนหน้านี้ การปรับตัวขึ้นของดัชนีเป็นโอกาสในการเข้าเก็งกำไรแต่ไม่ใช่จังหวะที่เพิ่มพอร์ตลงทุน ขณะที่แนะนำให้เก็บสะสมหุ้นที่แนวโน้มผลประกอบการดีในไตรมาสแรกของปีเป็นหลัก หุ้นเด่นเลือก BBL-KBANK-SCB-STA-KSL-KTB-TMB-SAWAD-SCC-PTTGC-KKP-WORK-GFPT-HANA-TACC-BIG-BR-TASCO-TU-KCAR และ PL
บล.ธนชาต ระบุในบทวิเคราะห์ (16 มี.ค.) ว่า การฟื้นตัวของ SET วานนี้เป็น Technical Rebound เท่านั้น ด้วยแนวต้าน 1,546 +/- จุด เป็นเพียงโอกาสในการ “เก็งกำไร” แต่ไม่ใช่จังหวะที่จะ “เพิ่มพอร์ต” เนื่องจาก 1) Valuation ของ SET ยังอยู่ในโซนสูง 15 เท่า และ 2) การขึ้นดอกเบี้ย Fed เร็วกว่าที่คาดไว้ จะส่งผลให้ Bond yield ทั้งต่างประเทศ และในประเทศเร่งตัวขึ้น ทำให้ earnings yield gap ที่เปรียบเทียบความน่าสนใจลงทุนในหุ้น เทียบกับพันธบัตรระยะยาว ไม่น่าสนใจ
แนะนำ “Selective” ต่อเนื่องใน 1) กลุ่มธนาคาร & Micro Finance ที่กำไรเติบโตสูง : กลุ่มธนาคารขนาดใหญ่ได้ผลดีดอกเบี้ยขึ้น “ซื้อ” KBANK TMB KTB รวมไปถึง Micro Finance ที่กำไรเติบโตดี อย่าง SAWAD (คาดกำไร +33% ปีนี้ PE 17 เท่า) และ 2) กลุ่มหุ้นที่กำไรไตรมาส 1/17 ออกมาดี ถูกปรับประมาณการกำไรขึ้น : SCC PTTGC KKP และ WORK ขณะที่ “เก็งกำไร” GFPT (แนวต้าน 17.60 บาท)
บล.กรุงศรี ระบุในบทวิเคราะห์ (16 มี.ค.) มีมุมมองเป็นบวก จากถ้อยคำแถลงของเฟดในประเด็นการปรับขึ้นอัตราการดอกเบี้ยในปีนี้ที่ 3 ครั้ง เชื่อว่าตลาดจะคลายกังวลจากความเสี่ยงที่จะเกิด fund outflow และเชื่อว่าตลาดจะกลับเข้าสู่ภาวะ risk-on และคาดว่า SET จะกลับมาฟื้นตัวต่อเนื่องจากกระแสฟันด์โฟลว์ที่ไหลกลับ หลังจากการขายลดความเสี่ยงไปก่อนหน้านี้ อย่างไรก็ตาม สิ่งที่น่าจับตามองในระยะถัดไปคือ การเลือกตั้งของประเทศฝรั่งเศส ซึ่งจะมีขึ้นในช่วงปลายเดือนเมษายน-พฤษภาคม ซึ่งอาจนำไปสู่กรณี Frexit และอาจทำให้ตลาดผันผวนได้
ฝ่ายวิจัยยังชอบสไตล์การลงทุนแบบ Selective Buy โดยแนะนำให้เก็บสะสมหุ้นที่มีแนวโน้มผลประกอบการดีในไตรมาส 1 และหุ้นที่มีลักษณะเฉพาะ อาทิ 1) กลุ่มที่มีแนวโน้มผลประกอบการดีในไตรมาส 1 (HANA, TACC, KKP, BIG, BR, TASCO), 2) กลุ่มที่ได้รับประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในสหรัฐ (HANA, TU), 3) กลุ่มพลังงานจากการฟื้นตัวของราคาน้ำมัน (PTTGC), และ 4) หุ้นที่มีปัจจัยบวกจากกระแส IPO กลุ่ม operating lease (KCAR, PL)
กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ : Selective Buy เก็งกำไรระยะสั้น : BR (ซื้อ/เป้า 8.50 บาท) ผลการเลือกตั้งวานนี้บ่งชี้เนเธอร์แลนด์ยังอยู่ในสหภาพยุโรปต่อเป็นบวกกับ BR จากการที่บริษัทมีรายได้จากยุโรป 45% และค่าเงินบาทเทียบยูโรอ่อนค่า
บล.แอพเพิล เวลธ์ ระบุในบทวิเคราะห์ (16 มี.ค.) จากการที่เฟดไม่ได้ส่งสัญญาณเร่งขึ้นดอกเบี้ย โดยยังคาดจะขึ้นอีก 2 ครั้งในปีนี้ ส่งผลให้ค่าเงิน Dollar Index อ่อนค่าสู่ระดับ 100.56 ค่าเงินกลับมาแข็งค่าอยู่ที่ระดับ 35.04 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ และราคาสินค้าโภคภัณฑ์ต่างๆ เริ่มฟื้นตัว เป็นสัญญาณบวกต่อการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง กลยุทธ์การลงทุน ประเมินดัชนี SET มีโอกาสรีบาวน์ขึ้นเป็นทดสอบแนวต้าน 1,560 จุด จากแรงซื้อคืนเพื่อปิดสถานะความเสี่ยงด้าน Short โดยมีแนวรับ 1,540 จุด แนะนำซื้อหุ้นกลุ่มแบงก์ใหญ่ เช่น BBL, KBANK, SCB, KTB ได้ประโยชน์จากสเปรดดอกเบี้ยขาขึ้น และเก็งกำไรกลุ่ม Commodity เช่น STA , KSL