SET ทรงตัวในกรอบ เลือกเก็บ 14 หุ้นเด่น
นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทย (SET) วันนี้เคลื่อนไหวผันผวนในกรอบจำกัดเนื่องจากตลาดไม่มีปัจจัยบวกใหม่เข้ามาหนุน ขณะที่แรงซื้อของนักลงทุนต่างชาติเริ่มชะลอตัว การลงทุนยังคงแนะนำเก็งกำไรหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว หรือเปลี่ยนกลุ่มมายังหุ้นที่ Laggard ตลาด
ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์รายงาน เช้านี้ ณ เวลา 9.20 น. ค่าเงินบาทอยู่ที่ 34.70 บาทต่อเหรียญ ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียปรับลงโดยได้รับแรงกดดันจากตลาดหุ้นนิวยอร์กที่ปิดขยับลงเมื่อคืน เนื่องจากความกังวลที่ว่า การบังคับใช้มาตรการปรับลดภาษีและการกระตุ้นเศรษฐกิจของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐ อาจต้องใช้เวลานานกว่าที่คาดการณ์ไว้ในเบื้องต้น
นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทย (SET) วันนี้เคลื่อนไหวผันผวนในกรอบจำกัดเนื่องจากตลาดไม่มีปัจจัยบวกใหม่เข้ามาหนุน ขณะที่แรงซื้อของนักลงทุนต่างชาติเริ่มชะลอตัว การลงทุนยังคงแนะนำเก็งกำไรหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว หรือเปลี่ยนกลุ่มมายังหุ้นที่ Laggard ตลาด หุ้นเด่นเลือก CHG- AAV-AMATAV-SUSCO-HANA-TACC-KKP-BIG-BR-TASCO-BEM-CK-STEC และ UNIQ
บล.ธนชาต ระบุในบทวิเคราะห์ (21 มี.ค.) ว่า แผนลดภาษีทรัมป์ใช้เวลานานกว่าที่คาด ส่งผลตลาดหุ้น Dow Jones เคลื่อนไหวแคบในช่วง 1-2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ขณะที่การปรับสูงขึ้นของ SET ตั้งแต่กลางสัปดาห์ก่อน หลังนักลงทุนคลายความกังวลว่า Fed อาจขึ้นดอกเบี้ยมากกว่า 3 ครั้งในปีนี้ + โอกาสทำ window dressing สิ้น 1Q17 เป็นเพียง relief rally ระยะสั้นด้วยเป้าหมาย 1,580-1,595 จุด ขณะที่กำหนด Trailing stop ที่ 1,554 จุด
เริ่มมีสัญญาณ “เปลี่ยนกลุ่ม” มายังกลุ่มหุ้นที่ Laggard ตลาดอยู่ อย่างกลุ่มโรงพยาบาล และสายการบิน แนะนำ “ซื้อ” CHG และ AAV (พื้นฐาน 7.2 บาท คาดผู้โดยสารเติบโต 13% y-y ปีนี้ และ Trade Code แนะนำ “ซื้อ” วันนี้ เป้าหมายระยะสั้น 6.4/6.75 บาท) และแนะนำ 1) “ซื้อ” AMATAV ปรับพื้นฐานขึ้นเป็น 9.30 บาท มองกำไรเติบโตเด่น 27-23% ในปี 2017-18 จากยอดขายที่ดินในเวียดนามที่มีศักยภาพในการลงทุน (FDI) สูงขึ้นเป็น 125-250 ไร่ต่อปี จาก 74 ไร่ในปีก่อน 2) “ซื้อ” SUSCO ยอดเติมน้ำมันเพิ่ม, ขยายสาขาเชิงรุก และค่าการตลาดสูง หนุนกำไรเติบโต 28-26% ในปี 2017-18
บล.กรุงศรี ระบุในบทวิเคราะห์ (21 มี.ค.) กลับมามีมุมมองเป็นกลาง คาด SET เคลื่อนไหวผันผวนในกรอบจำกัด (+/-5 จุด) ส่วนหนึ่งเป็นเพราะตลาดไม่มีปัจจัยบวกใหม่เข้ามาหนุนตลาด แรงซื้อของนักลงทุนต่างชาติเริ่มชะลอตัวหุ้นในกลุ่มพลังงานยังถูกกดดันจากราคาน้ำมันดิบที่ลดลง ประกอบกับเชื่อว่านักลงทุนจะชะลอการลงทุนเพื่อรอดูการโต้วาทีครั้งแรกของสองผู้ชิงตำแหน่งประธานาธิบดีฝรั่งเศสในคืนวันนี้ซึ่งจะเป็นสัญญาณบ่งชี้ถึงคะแนนนิยมและผลการเลือกตั้งว่าจะออกมาในทิศทางใหน
เบื้องต้นคาดตลาดหุ้นทั่วโลกจะตอบรับในเชิงบวกหากนายเอมมานูเอล มาครอง มีคะแนนนิยมเพิ่มขึ้นแต่ในทางตรงกันข้ามหากคะแนนนิยมของนางมารีน เลอแปง ซึ่งเป็นผู้สนับสนุนให้ฝรั่งเศสออกจากยุโรปเพิ่มขึนจะทำให้ตลาดหุ้นตอบรับในเชิงลบ ดังนั้นในระยะนี้เรายังคงกลยุทธ์ Selective Buy เลือกหุ้นที่มีแนวโน้มผลประกอบการดีในไตรมาส 1 อาทิ HANA, TACC, KKP, BIG, BR, TASCO
กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ : Selective Buy หุ้นเก็งกำไรระยะสั้น : BIG (ซื้อ/เป้า 7) คาดกำไรสุทธิไตรมาส 1/17 จะออกมาสูงถึง 250 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 21% yoy รับผลบวกผู้ผลิตกล้องออกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆหนุนดีมานด์มากขึ้น อาทิ Fuji XA3 และ Sony alpha series, BEM (ซื้อ/เป้า Under Review) คาดสัญญาเดินรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินจะได้สรุปได้เร็วๆ ส่งผลบวกต่อจิตวิทยาการลงทุนในหุ้นของ BEM
บล.แอพเพิล เวลธ์ ระบุในบทวิเคราะห์ (21 มี.ค.) ว่า การประกาศจ่ายเงินปันผลของ PTT และแผนการนำ PTTOR เข้าจดทะเบียนใน ตลท. ขณะที่หุ้นกลุ่มธนาคารยังได้แรงหนุนจากแนวโน้มดอกเบี้ยขาขึ้น สัปดาห์นี้ยังจะติดตามความเห็นของประธานเฟดสาขาต่างๆ ที่จะออกมาให้ความเห็นเกี่ยวเศรษฐสหรัฐและอัตราดอกเบี้ย ซึ่งอาจจะส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์ผันผวนได้
กลยุทธ์การลงทุน ประเมินดัชนี SET ยังอยู่ในภาวะฟื้นตัว เนื่องจากไม่ปัจจัยลบอย่างชัดเจนเข้ากดดันตลาด และยังได้แรงหนุนจากการจ่ายเงินปันผลในช่วง มี.ค. – เม.ย. นี้ ประเมินดัชนีแกว่งตัวในกรอบ 1,550 – 1,580 จุด แนะนำเทรดดิ้งตามกรอบการลงทุน แนะนำซื้อ CK, STEC, UNIQ (+ ความชัดเจนการเปิดประมูลรถไฟทางคู่ 5 เส้นทาง ในการประชุมซุปเปอร์บอร์ดวันที่ 22 มี.ค. นี้)