เคาะ 13 หุ้นหลุมหลบภัย SET ปรับลง รับแรงขายลดความเสี่ยง

นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทย (SET) วันนี้มีโอกาสปรับตัวลงตามภาพรวมตลาดหุ้นทั่วโลกเนื่องจากนักลงทุนลดความเสี่ยงเพื่อรอดูผลประชุมของรัฐสภาสหรัฐฯ การลงทุนเน้นกลุ่มที่แนวโน้มผลประกอบการไตรมาสแรกของปีออกมาดีเป็นหลัก และกลุ่ม Defensive ที่ให้ปันผลสูง หรือเลือกเก็งกำไรในหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว


ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์รายงาน เช้านี้ ณ เวลา 9.16 น. ค่าเงินบาทอยู่ที่ 34.73 บาทต่อเหรียญ ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลงในเช้านี้ หลังดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 200 จุดเมื่อคืนนี้ เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับความไม่แน่นอนในการบังคับใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ซึ่งรวมถึงแผนการลงทุนในโครงการสาธารณูปโภคมูลค่าสูงถึง 1 ล้านล้านดอลลาร์ แผนการปฏิรูประบบประกันสุขภาพ แผนปรับลดอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับชนชั้นกลาง และแผนการปรับลดภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับภาคธุรกิจ

นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทย (SET) วันนี้มีโอกาสปรับตัวลงตามภาพรวมตลาดหุ้นทั่วโลกเนื่องจากนักลงทุนลดความเสี่ยงเพื่อรอดูผลประชุมของรัฐสภาสหรัฐฯ การลงทุนเน้นกลุ่มที่แนวโน้มผลประกอบการไตรมาสแรกของปีออกมาดีเป็นหลัก และกลุ่ม Defensive ที่ให้ปันผลสูง หรือเลือกเก็งกำไรในหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว หุ้นเด่นเลือก BBL-SCB-KTB-BA-AAV-HANA-TACC-BIG-ROBINS-BR-TASCO-TISCO และ KKP

 

บล.ธนชาต ระบุในบทวิเคราะห์ (22 มี.ค.) ว่า ดัชนี Dow Jones ปรับลดลง 1.1% เมื่อคืนนี้ และหลุดแนวรับเส้นค่าเฉลี่ย 1 เดือนครั้งแรกตั้งแต่กลางเดือน ม.ค.เป็นต้นมา เนื่องจากความกังวลต่อการนำมาตรการเศรษฐกิจของทรัมป์ไปใช้จริง โดยเฉพาะมาตรการลดภาษีเงินได้, มาตรการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน และแผนปฎิรูประบบประกันสุขภาพ จะเป็นปัจจัยกดดันตลาดหุ้นโลก และ SET วันนี้ ด้วยแนวรับ 1,558 จุด

แนะนำ “Selective” ในกลุ่มหุ้น Defensive ที่ให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลสูง อย่าง KKP จาก 1) สินเชื่อเดือน ก.พ.เติบโตเด่นสุดในกลุ่มธนาคาร +1.7% 2) แนวโน้มรายได้ธุรกิจที่ปรึกษาการเงินเพิ่มขึ้น 3) ยังมีจุดเด่นที่ปันผล 5.7% ในอีก 1 เดือนข้างหน้า และทั้งปีที่ 8.5% รวมไปถึง

1)”ซื้อ” ROBINS ปรับเป้าหมายเป็น 76.00 บาท แม้ได้รับผลกระทบจากการบริโภคชะลอตัว แต่การขยายสาขา, เพิ่มสินค้ามาร์จิ้นสูง หนุนกำไรโต 18 – 20% ปี 2017 – 18 มอง PE 23.9 เท่า ต่ำกว่ากลุ่มค้าปลีก 24.6 เท่า และ 2) “ซื้อ” AAV นักท่องเที่ยวมีสัญญาณฟื้นตัว, ได้รับผลดีจากราคาน้ำมันที่อ่อนตัวลงต่อเนื่อง, PE 13.5 เท่า ในปัจจุบันต่ำกว่าในอดีตที่ 15 เท่า เป้าหมายระยะสั้นที่ 6.75 บาท

 

บล.กรุงศรี ระบุในบทวิเคราะห์ (22 มี.ค.) มีมุมมองเป็นลบคาด SET มีโอกาสลดลงตาม Sentiment ของตลาดหุ้นทั่วโลกเนื่องจากนักลงทุนลดความเสี่ยงเพื่อรอดูการประชุมของรัฐสภาสหรัฐว่าจะอนุมัติร่างกฏหมายประกันสุขภาพฉบับใหม่ของโดนัล ทรัมป์ หรือไม่ ขณะเดียวกันราคาน้ำมันดิบที่ลดลงแรงต่อเนื่องเป็นวันที่ 2 จะยังกดดัน Sentiment การลงทุนในหุ้นกลุ่มธุรกิจน้ำมัน PTT PTTEP และ โรงกลั่น TOP IRPC BCP นอกจากนี้ค่าเงินบาทที่อ่อนค่าทำให้นักลงทุนกลับมากังวลกับการไหลออกของ Fund Flow เป็นลบกับหุ้น Big Cap ดังนั้นในระยะนี้ยังคงกลยุทธ์ Selective Buy เลือกหุ้นที่มีแนวโน้มผลประกอบการดีในไตรมาส 1 อาทิ HANA, TACC, KKP, BIG, BR, TASCO และกลุ่มที่จ่ายปันผลดีและให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลสูง อาทิ TISCO และ KKP

กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ : Selective Buy หุ้นเก็งกำไรระยะสั้น : AAV (ซื้อ/เป้า 7.50 บาท) รับผลบวกราคาน้ำมันลดลง และคาดงบไตรมาส 1/17 เพิ่มขึ้นทั้งจากไตรมาสก่อน และไตรมาสเดียวกันในปีก่อน จากจำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่กลับมาฟื้นตัว จำนวนเที่ยวบินเพิ่มขึ้นจากการเพิ่มฝูงบินใหม่อีก 2 ลำในช่วงไตรมาส 4/16

 

บล.แอพเพิล เวลธ์ ระบุในบทวิเคราะห์ (22 มี.ค.) คาดดัชนี SET อาจจะได้รับผลกระทบบ้างจากดัชนีหุ้นต่างประเทศปรับลดลง แต่คาดผลกระทบน่าจะน้อยเนื่องจากปริมาณการซื้อขายที่ชะลอตัวลง ประเมินดัชนีมีแนวรับที่ 1,550 – 1,560 จุด หากยืนได้ทิศทางดัชนียังอยู่ในแนวโน้ม Sideway Up โดยมีแนวต้าน 1,575 – 1,580 จุด แนะนำซื้อหุ้น BBL, SCB, KTB เมื่อดัชนีอ่อนตัว และซื้อ AAV, BA (+ นักท่องเที่ยวต่างชาติช่วงสงกรานต์คาดเพิ่มขึ้นราว 10%)

Back to top button