ชง 14 หุ้นเด็ดกลุ่มพลังงานยังแกร่งสุดSET เสี่ยงมีแรงขายระยะสั้น-ปัจจัยนอกปท.หนุน

นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทยวันนี้ระยะสั้นยังเสี่ยงเผชิญแรงขาย แต่ยังมีแรงหนุนจากปัจจัยภายนอกประเทศ รวมถึงหุ้นกลุ่มพลังงานที่มีแรงซื้อกลับหลังราคาน้ำมันเริ่มฟื้นตัวต่อเนื่อง สำหรับหุ้นเด่นวันนี้ยังเน้นกลุ่มพลังงาน ได้แก่ RCL,SPALI, KTB, TOP, PTTGC, BCP, CSS, AOT, CENTEL, ERW, MINT, CHO, CBG และ WHA


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เช้านี้ ณ เวลา 9.28 น. ค่าเงินบาทล่าสุดอยู่ที่ 32.54 บาทต่อเหรียญ ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงเช้าวันนี้ โดยการนำของหุ้นกลุ่มวัสดุและหุ้นกลุ่มเฮลธ์แคร์ ขณะเดียวกันนักลงทุนก็กำลังจับตาดูธนาคารกลางญี่ปุ่นประชุมนโยบายการเงินวันสุดท้ายและแถลงมติการประชุมในวันนี้ รวมถึงคณะกรรมการกำหนดนโยบายของเฟด (FOMC) เผยแพร่รายงานการประชุมในเช้าวันพรุ่งนี้ ตามเวลาไทย

นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทยวันนี้ระยะสั้นยังเสี่ยงเผชิญแรงขาย แต่ยังมีแรงหนุนจากปัจจัยภายนอกประเทศ รวมถึงหุ้นกลุ่มพลังงานที่มีแรงซื้อกลับหลังราคาน้ำมันเริ่มฟื้นตัวต่อเนื่อง สำหรับหุ้นเด่นวันนี้ยังเน้นกลุ่มพลังงาน ได้แก่ RCL,SPALI, KTB, TOP, PTTGC, BCP, CSS,  AOT, CENTEL, ERW, MINT, CHO, CBG และ  WHA

 

บล.ธนชาต ระบุในบทวิเคราะห์ (8 เม.ย.) ว่า การปรับสูงขึ้นของราคาน้ำมัน US$0.98/bbl และคาดการณ์ผลการดำเนินงานหุ้นกลุ่มโรงกลั่นฟื้นตัวใน 1Q15 ล่าสุดคาดการณ์ TOP (รอขายทำกำไรที่ 57-58 บาท) มีกำไร 4.7 พันล้านบาท +y-y และ +q-q เป็นปัจจัยหนุนหุ้นกลุ่มพลังงาน และ SET วันนี้ ด้วยแนวต้าน 1,558 จุด อิงเส้นค่าเฉลี่ย 3 เดือน

แนะนำ “ซื้อ” KTB ด้วยเป้าหมายพื้นฐาน 29 บาท จาก 1) การลงทุนภาครัฐฯ ที่คาดว่าจะเร่งตัวขึ้นหลังใช้ ม.44 หนุนการฟื้นตัวของสินเชื่อ 2) Valuation ต่ำ ที่ PE 8.3x ปีนี้ ต่ำที่สุดในกลุ่มธนาคารที่ PE เฉลี่ย 10.3x 3) อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลสูง 4.8-5.7% ในปี 2015-16 ขณะที่เตรียมขึ้น XD 0.90 บาท หรือ 3.8% วันที่ 21 เม.ย.นี้ และ 4) ราคาหุ้นมีสัญญาณ “บวก” คาดทดสอบแนวต้านย่อย 23.5 บาท และถัดไปที่ 24.5 บาท…ขณะที่กลุ่มโรงกลั่น TOP PTTGC BCP คาดกำไรแกร่ง 1Q15 แนะนำ Let Profit Run ต่อไป

 

บล.เอเซีย พลัส ระบุในบทวิเคราะห์ (8 เม.ย.) SET ฟื้นตัวด้วยมูลค่าซื้อขายที่น้อยกว่าปกติ ทำให้ SET ที่ 1,550 จุด ไม่มั่นคง และอาจเผชิญแรงขายระยะสั้น กลยุทธ์ฯ ยังให้เลือกหุ้นที่คาดว่าจะให้ผลตอบแทนชนะตลาดในช่วงก่อนเทศกาลสงกรานต์ คือ RCL([email protected]) หรือหุ้น Laggard และมี PER ต่ำคือ SPALI (FV@B 31.96)

 

บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ (8 เม.ย.) ว่า ทิศทางตลาดหุ้นวันนี้ เลือกเก็งกำไร

ประเมินตลาดยังอยู่ภายใต้เม็ดเงินเข้าสู่หุ้นใหญ่ โดยเฉพาะหุ้นน้ำมันที่ได้รับผลดีจากราคาน้ำมันที่ทยอยปรับตัวสูงขึ้น และหุ้นใหญ่ที่ราคายืนในระดับต่ำ เช่น อาหาร พาณิชย์ และค้าปลีก แม้ดัชนีดาวโจนส์จะปิดลดลง 0.3% วานนี้ ประเมินว่าปัจจัยภายนอกกลางดีในวันนี้ ในหกวันทำการต่อเนื่อง ดัชนีSET ได้ปรับขึ้น +3.6% ซึ่งหุ้นที่ปรับสูงขึ้นรายตัวนั้น อาจมีแรงขายทำกำไรระยะสั้น แต่ภาพรวมตลาดยังประเมินว่าจิตวิทยาการลงทุนนั้นยังคงดีอยู่ แนะนำเลือกซื้อ

หุ้นเด่นวันนี้ เก็งกำไร CHO, CBG, WHA

 

บล.ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ (8 เม.ย.) ว่า มองว่าดัชนี SET จะยังคงขึ้นได้ต่อหลังมีสัญญาณแรงซื้อหุ้นในกลุ่มพลังงาน กลับคืนมาอีกครั้งหลังที่เงียบๆไปนาน นอกจากนั้นแรงซื้อเก็งกำไรงบของกลุ่มธนาคารพาณิชย์จะเริ่มมากขึ้น ดังนั้นทิศทางดัชนีจึงยังขึ้นได้ต่อไปถึงปลายสัปดาห์ แม้จะมีแรงขายทำกำไรออกมาบ้างแต่คงไม่ทำให้ดัชนี SET ลง วันนี้คาดดัชนีจะแกว่งตัวในกรอบที่แคบลงหลังเมื่อวานนี้ขึ้นแรง โดยมีแนวต้านที่ 1555-1560 จุด ส่วนแนวรับที่ 1544-1540 จุด วันนี้แนะนำ ซื้อเก็งกำไร CSS

แนะนำ ซื้อเก็งกำไร AOT CENTEL ERW MINT หลังเย็นวานนี้โฆษกกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่าในช่วง 3 เดือนแรกของปี 58 มีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติมาไทย 7.8 ล้านคน เพิ่มขึ้น 23% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนช่วงวันที่ 1-4 เม.ย. 58 มีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติมาไทย 337,490 คน เพิ่มขึ้น 37.8% จาก 1-4 เม.ย. 57 ที่มีจำนวน 244,919คน ทั้งนี้ คาดว่าทั้งเดือนเม.ย.คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 25% โดยทั้งปีทางการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยคาดการณ์ว่าจะมีนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น 14% เป็น 28.8 ล้านคน ซึ่งจะส่งผลบวกต่อรายได้และผลกำไรของหุ้นในกลุ่มโรงแรมและการท่องเที่ยว

 

บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง ระบุในบทวิเคราะห์(8เม.ย.) คงมุมมองการลงทุนเป็น “กลาง” วันที่ 13 ด่านบริเวณ 1,555-1,560 จุด ยังไม่น่าผ่านในช่วงสั้นนี้แม้ว่าเงินทุนต่างชาติ Long สุทธิใน SET50 Index Futures อย่างหนาแน่น 33,808 สัญญา ตลอด 5 วันทำการ และสถาบันภายในประเทศซื้อสุทธิ 9,532 ล้านบาท MTD น่าจะสะท้อนมุมมองเชิงบวกต่อทิศทาง SET INDEX ในช่วงที่เหลือของเดือน หลังเฟดส่งสัญญาณไม่ขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนเม.ย. และ ณ ปัจจุบัน ตลาดเริ่มมองช่วงเวลาการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดเป็น 3Q58 ทำให้ช่วง 1-2 เดือนนี้ บรรยากาศการลงทุนเป็นกลาง

ปัจจัยที่จะทำให้ SET INDEX กลับมาทดสอบแนว 1,580-1,600 จุดในช่วงปลายเดือนเม.ย.นี้ได้หรือไม่ ขึ้นอยู่กับผลการดำเนินงานใน 1Q58 ของกลุ่มธนาคารที่จะเริ่มประกาศช่วงหลังเทศกาลสงกรานต์ เราเชื่อว่าผลการดำเนินงานจะยังเติบโต qoq และ yoy แต่เป็นอัตราการเติบโตที่ไม่โดดเด่น ราคาหุ้นปรับฐานลงมาตั้งแต่ต้นปี น่าจะสะท้อนไปค่อนข้างมากแล้ว ขณะที่ผลการดำเนินงานในกลุ่มพลังงาน และ ปิโตรเคมี มีโอกาสสูงที่จะพลิกจากขาดทุนสุทธิใน 4Q58 เป็นกำไรสุทธิใน 1Q58 รวมถึงภาพรวมในกลุ่ม ICT แนวโน้มเติบโต yoy และ qoq เช่นกัน ทำให้การย่อตัวของ SET INDEX ในช่วงสั้นๆ นี้ อาจเป็นเพียงการซึมตัวลงเท่านั้น แนวรับ 1,520-1,530 จุด จะทำงานได้อย่างแข็งแกร่ง ภายใต้มูลค่าการซื้อขายที่เบาบางต่อเนื่องในช่วง 2 สัปดาห์นี้

กลยุทธ์การลงทุน แนะนำ “นักลงทุนที่ทยอยขายทำกำไรไปบางส่วนนับตั้งแต่ SET INDEX ขยับขึ้นเหนือ 1,540 จุด อาจเริ่มปรับพอร์ตเข้าหาหุ้นที่ขึ้นมาช้ากว่า (Laggard Play) หรือหุ้นที่ผลการดำเนินงานใน 1Q58 เติบโตเด่น เป็นทางเลือก”

Accumulative Buy: BCP / TPIPL

Back to top button