เปิดเมนู 18 หุ้นร้อน หาจังหวะเก็งกำไรช่วง SET ฟื้นตัว
ดัชนีหุ้นไทย (SET) วันนี้มีแนวโน้มฟื้นตัวเล็กน้อย ขณะที่ตลาดยังขาดปัจจัยใหม่ชี้นำทิศทาง การปรับสูงขึ้นของดัชนีเป็นเพียงการ Rebound ที่มี upside จำกัด ขณะที่พื้นฐานยังไม่เปลี่ยนไปจากเดิม อย่างไรก็ตามการปรับตัวขึ้นของดัชนียังเป็นโอกาสในการเก็งกำไรต่อเนื่อง การลงทุนเน้นหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัวเป็นหลัก
ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์รายงาน เช้านี้ ณ เวลา 9.30 น. ค่าเงินบาทอยู่ที่ 34.44 บาทต่อเหรียญ ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียเคลื่อนไหวอย่างผันผวน โดยส่วนใหญ่ปรับตัวเพิ่มขึ้นตามตลาดหุ้นนิวยอร์ก ขณะที่บางส่วนอ่อนตัวลงหลังมีข่าวมูดี้ส์ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของจีน
นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทย (SET) วันนี้มีแนวโน้มฟื้นตัวเล็กน้อย ขณะที่ตลาดยังขาดปัจจัยใหม่ชี้นำทิศทาง การปรับสูงขึ้นของดัชนีเป็นเพียงการ Rebound ที่มี upside จำกัด ขณะที่พื้นฐานยังไม่เปลี่ยนไปจากเดิม อย่างไรก็ตามการปรับตัวขึ้นของดัชนียังเป็นโอกาสในการเก็งกำไรต่อเนื่อง การลงทุนเน้นหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัวเป็นหลัก หุ้นเด่นเลือก WHA-EA-MTLS-THANI-LIT-SAWAD-ESSO-KKP-BIG-TKN-PTG-BDMS-BCPG-BPP-TISCO-WORK-GFPT และ ROJNA
บล.ธนชาต ระบุในบทวิเคราะห์ (24 พ.ค.) ว่า มุมมองทางพื้นฐานไม่ได้เปลี่ยนไปจากเดิม โดยมองการปรับสูงขึ้นของ SET เป็นเพียงการ Rebound ที่มี upside “จำกัด” อย่างไรก็ตาม การที่ SET สามารถยืนได้เหนือเส้นค่าเฉลี่ย 3 เดือนที่ 1,560 จุด ทำให้มีจังหวะ “เก็งกำไร” ต่อเนื่องระยะสั้นที่เป้าหมาย 1,575 จุด ขณะที่กำหนด Trailing stop ที่ 1,554 จุด
แนะนำ “ซื้อ” WHA (TP 4.00 บาท) ที่ได้รับผลดีจาก 1) การพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) หนุนการขายที่ดินในระยะยาว 2) ราคาที่ดินที่เพิ่มขึ้น ส่งผลบวกต่อที่ดินในมือประมาณ 1 หมื่นไร่ 3) รายได้ธุรกิจให้เช่าคลังสินค้าที่ส่วนใหญ่อยู่ในจังหวัดฉะเชิงเทรา มีแนวโน้มดีขึ้นจากการขึ้นค่าเช่าคลังฯ และ 4) ถ้าไม่รวมกำไรพิเศษจากการขายเข้า HREIT ปีก่อน คาดการณ์กำไร WHA จะเติบโตสูง 40% ปีนี้ ขณะที่ราคาหุ้น Laggard AMATA ที่ ขณะที่แนะนำ “Selective” กลุ่มหุ้นที่กำไรเติบโตดี มีโอกาสถูกเพิ่มใน SET50/MSCI ต่อเนื่อง ได้แก่ EA MTLS THANI LIT SAWAD ESSO ปันผลสูง KKP (มีสัญญาณ “ฟื้นตัว” ทางเทคนิค เป้าหมาย 71.75 บาท)
บล.กรุงศรี ระบุในบทวิเคราะห์ (24 พ.ค.) ว่า มีมุมมองเป็นกลาง ตลาดยังไม่มีปัจจัยบวกใหม่แรงซื้อของนักลงทุนสถาบันและต่างชาติน่าจะลดลง โดยนักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิตลอด 5 วันทำการมียอดรวม 4,994 ล้านบาทใกล้เคียงกับยอดขายปรับพอร์ตในช่วงประกาศงบของบริษัทจดทะเบียนที่ 5,397 ล้านบาท นักลงทุนต่างชาติแม้จะเริ่มซื้อสุทธิมากขึ้นแต่ค่าเงินบาทที่เริ่มอ่อนค่าคาดว่าจะทำให้แรงซื้อจากต่างชาติลดลง ทำให้การปรับขึ้นของดัชนีเป็นไปอย่างจำกัด ยังแนะนำนักลงทุนหาจังหวะขายทำกำไรโดยเฉพาะหุ้นขนาดกลางถึงเล็กที่ปรับตัวขึ้นร้อนแรง (BEC, COM7, SUPER) และ Switch ไปยังหุ้นที่ลดลงแรงในช่วงก่อนหน้าและราคาหุ้นยังปรับขึ้นไม่มากอาทิ BIG TKN PTG
และเริ่มทยอยสะสม BDMS มีโอกาสเกิดเทคนิคอลรีบาวด์ ส่วนปัญหาก่อการร้ายในฟิลิปปินส์คาดกระทบ Sentiment การลงทุนไม่มากเนื่องจากเป็นพื้นที่ที่เคยเกิดความไม่สงบในพื้นที่อยู่บ่อยครั้งอยู่แล้ว ส่วนกลยุทธ์การลงทุนโดยรวมยังเน้น Seclective หุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว อาทิ หุ้นที่เข้าคำนวณในดัชนี MSCI Small Cap รอบใหม่ (BCPG BIG และ THANI), และหุ้นที่คาดว่าจะเข้าคำนวนใน SET50/100 รอบใหม่ที่น่าสนใจ SET50 (EA BPP MTLS TISCO) และ SET 100 (WORK GFPT)
กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ : Selective Buy หุ้นเก็งกำไรระยะสั้น : ROJNA (ซื้อ/เป้า Consensus 6.65) รับผลบวก นายกฯออกคำสั่งใช้มาตรา 44 เร่งขับเคลื่อนการลงทุนในโครงการเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) เพื่อปลดล็อดข้อจำกัดและร่นระยะเวลารวมถึงขั้นตอนในการขอ EIA และลดกระบวนการของโครงการร่วมทุนระหว่างรัฐและเอกชน (PPP)
บล.แอพเพิล เวลธ์ ระบุในบทวิเคราะห์ (24 พ.ค.) คาดดัชนี SET ยังอยู่ในแนวโน้มฟื้นตัวโดยมีแนวต้านที่ 1,570 คาดได้แรงหนุนจาก Fund Flow ระยะสั้นหลังจากเกิดเหตุการณ์ไม่สงบของกลุ่มก่อการร้ายในฟิลิปปินส์ รวมดัชนีหุ้นไทยยัง Laggard เมื่อเทียบกับตลาดหุ้นในกลุ่ม TIP แนะนำเก็งกำไร AMATA , ROJNA , WHA ( + ม.44 ลดขั้นตอนการลงทุนในเขตเศรษฐกิจ EEC )