SET ทรงตัว จัดทัพ 21 บจ.เด็ดมีปัจจัยหนุน

ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์รายงาน เช้านี้ ณ เวลา 9.20 น. ค่าเงินบาทอยู่ที่ 34.05 บาทต่อเหรียญ ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อย เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลหลังมีข่าวเกาหลีเหนือยิงขีปนาวุธเช้านี้ โดยทางการญี่ปุ่นเชื่อว่าขีปนาวุธได้ตกลงสู่เขตเศรษฐกิจพิเศษของญี่ปุ่น (EEZ) ซึ่งตั้งอยู่ในบริเวณทะเลญี่ปุ่น

นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทย (SET) วันนี้ทรงตัวในกรอบจำกัดตามตลาดภูมิภาค อย่างไรก็ตาม ภาพรวมยังดูดีเนื่องจากกลุ่มพลังงานได้ Sentiment เชิงบวกจากราคาน้ำมันดิบที่กลับมาฟื้นตัว การลงทุนเน้นเก็งกำไรกลุ่มที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว เช่นการให้ข้อมูลของผู้บริหารในงาน Opp day และกลุ่มที่คาดว่าจะเข้าคำนวนใน SET50/100 รอบใหม่

หุ้นเด่นเลือก IRPC-BCPG-BIG-THANI-PTL-FSMART-TPBI-ORI-BTW-BKD-CENTEL-EA-BPP-MTLS-TISCO-WORK-GFPT-RS-DTAC-GGC และ IVL

 

นายถนอมศักดิ์ สหรัตน์ชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการและหัวหน้าฝ่ายวิจัย บล.เคที ซีมิโก้ เปิดเผยถึงตลาดหุ้นไทยเช้านี้ (29 พ.ค.)  คาดว่าจะแกว่งตัวในกรอบ โดยตลาดหุ้นในภูมิภาคเช้านี้เคลื่อนไหวทั้งในแดนบวกและลบเล็กน้อย ซึ่งวันนี้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ, จีน และไต้หวัน ปิดทำการ ทั้งนี้ ปัจจัยลบที่เข้ามาตอนนี้มีแค่เรื่องการทดสอบระเบิดของเกาหลีเหนือที่คาบสมุทรเกาหลี ซึ่งต้องรอดูสถานการณ์ต่อไป ส่วนตัวเลข GDP ของสหรัฐฯงวดไตรมาส 1/60 ประกาศครั้งที่ 2 ออกมาดีกว่าคาด อย่างไรก็ตาม แนะนำให้ติดตามตัวเลขการจ้างงานในวันศุกร์นี้

สำหรับบ้านเราช่วงนี้มี Opp day ถึง 29 บริษัทฯ ซึ่งน่าจะทำให้ Sentiment ภาพกำไรของบริษัทจดทะเบียนดูดีขึ้น และอาจจะช่วยกระตุ้นตลาดได้บ้าง ส่วน MSCI ผลการปรับจะมีผลในวันที่ 1 มิ.ย.นี้ หุ้นที่ได้รับการเพิ่มเข้าไปอาจได้รับอานิสงค์บ้าง นอกเหนือจากนี้ตลาดยังไม่มีปัจจัยเด่นเข้ามา อย่างไรก็ตาม ในทางเทคนิคยังไม่ผ่าน 1,575 จุด ซึ่งต้องรอดูว่าจะสามารถผ่านได้หรือไม่ พร้อมให้แนวรับ 1,560 จุด ส่วนแนวต้าน 1,575 – 1,580 จุด

 

บล.ธนชาต ระบุในบทวิเคราะห์ (29 พ.ค.) Momentum ตลาดโดยรวมยังดูดี ด้วยแนวต้าน 1,575 จุด ขณะที่การ Rebound ของราคน้ำมันดิบ Brent +1.3% จะหนุนการฟื้นตัวกลุ่มพลังงานวันนี้ ขณะที่ภาพระยะสัปดาห์ยังกังวลต่อ valuation ที่สูง กำหนด Trailing stop ที่ 1,560 จุด

แนะนำ 1) “ซื้อ” กลุ่มหุ้นที่มี upside risk ต่อการปรับประมาณการกำไรขึ้น อย่าง WORK (rating ที่ดี หนุนการขึ้นค่าโฆษณา และอัตราการใช้เวลาโฆษณาดีขึ้นส่งบวกต่อกำไร 2Q17)  และ “เก็งกำไร” RS  (รายได้ธุรกิจ Health & Beauty แข็งแกร่งกว่าคาด)

2) “เก็งกำไร” DTAC  (แนวต้าน 45 บาท) มองข้อตกลงใช้คลื่น 2300MHz ของ TOT จะ unlock valuation gap ระหว่าง DTAC ที่ปัจจุบันซื้อขายที่ EV/EBITDA 4.7 เท่า ต่ำกว่า ADVANC ที่ EV/EBITDA 10 เท่า มาก และ 3) กลุ่มหุ้นพื้นฐานดี ที่ คาด/ถูก เพิ่มน้ำหนักใน MSCI และ SET50 : THANI (เพิ่มในดัชนี MSCI global small index วันที่ 31 พ.ค) EA และ MTLS

 

บล.กรุงศรี ระบุในบทวิเคราะห์ (29 พ.ค.) ว่า SET จะยังเคลื่อนไหวผันผวนในกรอบจำกัด แม้วันนี้หุ้นกลุ่มพลังงานจะได้ Sentiment เชิงบวกจากราคาน้ำมันดิบที่กลับมาฟื้นตัว แต่ด้วย Fund Flow ต่างชาติที่กลับมาไหลออก ค่าเงินดอลลาร์ทีเริ่มแข็งค่า จะเป็นปัจจัยลบกดดันดัชนี หุ้นในกลุ่ม Mid Small Cap ซึ่งมีสัดส่วนของนักลงทุนต่างชาติน้อยจะยังมีแรงเก็งกำไรเหมือนกับในสัปดาห์ที่ผ่านมา

โดยเฉพาะหุ้นที่จะเข้าคำนวณในดัชนี MSCI Small Cap รอบใหม่ซึ่งจะเริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย.นี้ อาทิ BCPG BIG THANI PTL และ FSMART และหุ้นที่มีกระแสข่าวจากการให้ข้อมูลของผู้บริหารในงาน Opp day ในวันนี้ อาทิ TPBI ORI BTW BKD และ CENTEL, นอกจากนี้ยังมีหุ้นที่คาดว่าจะเข้าคำนวนใน SET50/100 รอบใหม่ที่น่าสนใจ SET50 (EA BPP MTLS TISCO) และ SET 100 (WORK GFPT)

กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ : Selective Buy หุ้นเก็งกำไรระยะสั้น : IRPC (ซื้อ/เป้า 6.00 บาท) เราคาดว่า IRPC จะเป็นหุ้นในกลุ่มโรงกลั่นและปิโตรเคมีที่มีกำไรสุทธิเติบโตมากที่สุดในไตรมาส 2/17 เนื่องจากไตรมาสนี้ไม่มีการหยุดซ่อมบำรุงโรงกลั่นเหมือนไตรมาส 1/17 ซึ่งหยุดซ่อมบำรุงโรงกลั่นเป็นเวลา 1 เดือน

 

บล.แอพเพิล เวลธ์ ระบุในบทวิเคราะห์ (29 พ.ค.) ว่า เม็ดเงิน Fund Flow สัปดาห์ที่ผ่านมาต่างชาติซื้อสุทธิทั้ง 3 ตลาดในแถบ TIP จากแนวโน้มดังกล่าวประเมินยังเป็นผลบวกต่อการลงทุนในตลาดหุ้นไทย ซึ่งอยู่ระหว่างรอการประชุม FOMC ในวันที่ 14 มิ.ย. นี้ เพื่อรอประเมินทิศทางดอกเบี้ยสหรัฐและแนวทางการลดงบดุลของเฟดในช่วงปลายปีนี้กลยุทธ์การลงทุน สัปดาห์นี้วาง Filter แนวรับสำคัญที่ 1,560 จุด กรณียืนได้ดัชนียังอยู่ในแนวโน้ม Sideway Up โดยมีแนวต้าน 1,575 – 1,585 จุด แนะนำเก็งกำไรระยะส้นหุ้นที่มีโมเมนตัมบวกทางเทคนิค เช่น GGC, IVL