ชง 19 หุ้นร้อน SET ผันผวน จับตา MSCI ปรับน้ำหนักลงทุน
ดัชนีหุ้นไทย (SET) วันนี้ผันผวนมากขึ้น จากการปรับน้ำหนักลงทุน ของดัชนี MSCI ขณะที่ภาพระยะสัปดาห์ยังแนะนำให้ระวังการพักฐาน การลงทุนยังคงเน้นเก็งกำไรระยะสั้นในกลุ่มที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว
ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์รายงาน เช้านี้ ณ เวลา 9.25 น. ค่าเงินบาทอยู่ที่ 34.12 บาทต่อเหรียญ ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลดลงในเช้าวันนี้ ตามทิศทางของตลาดหุ้นนิวยอร์กที่ปิดลบเมื่อคืน หลังมีรายงานว่าราคาน้ำมันดิบปรับตัวลง นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทย (SET) วันนี้ผันผวนมากขึ้น จากการปรับน้ำหนักลงทุน ของดัชนี MSCI ขณะที่ภาพระยะสัปดาห์ยังแนะนำให้ระวังการพักฐาน การลงทุนยังคงเน้นเก็งกำไรระยะสั้นในกลุ่มที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว หุ้นเด่นเลือก STEC-SEAFCO-PYLON-KKP-BLAND-TSR-BCPG-BIG-THANI-PTL-FSMART-BDMS-BCH-EA-BPP-MTLS-TISCO-WORK และ GFPT
นายกิติชาญ ศิริสุขอาชา ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์รายย่อย บล.ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) เปิดเผยถึงตลาดหุ้นไทยเช้านี้ (31 พ.ค.) แกว่งไซด์เวย์ วอลุ่มเทรดบาง เนื่องจากไม่มีปัจจัยใหม่ วันนี้มีกรณีที่ต้องจับตาดูเป็นเรื่อง MSCI ที่มีการปรับหุ้น 5 ตัว ซึ่งหุ้นเป็นขนาดกลางและเล็ก จะมีผล effective วันนี้ ซึ่งโดยปกติแล้ววันที่ effective มักจะถูก take profit หลังจากที่ได้ซื้อเก็งกำไรไปช่วงก่อนหน้านี้ แต่ภาพรวมเชื่อว่าไม่ได้มีผลต่อตลาดมากนัก
ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่จะอยู่ในแดนบวก โดยตลาดรอดูการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (FED) ในวันที่ 13-14 มิ.ย.นี้ ซึ่งตลาดฯคาดว่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% หากจริงก็จะเป็นการปรับขึ้นครั้งที่ 2 ในรอบปีนี้ ดังนั้น นักลงทุนก็จะระมัดระวังการลงทุนมากขึ้น นอกจากนี้ให้รอดูนโยบายประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่คาดว่าจะประกาศความชัดเจนมาตรการภาษีในมิ.ย.นี้ พร้อมให้แนวรับ 1,564 จุด ส่วนแนวต้าน 1,575 จุด
บล.ธนชาต ระบุในบทวิเคราะห์ (31 พ.ค.) SET มีแนวโน้ม “ผันผวน” เพิ่มขึ้นวันนี้ จากการปรับน้ำหนักลงทุน (Rebalancing) ของดัชนี MSCI วันนี้จะทำให้ตลาดมีแรงเหวี่ยงมากขึ้นในช่วงก่อนปิดตลาด…ขณะที่ภาพระยะสัปดาห์ยังแนะนำให้ระวังการ “พักฐาน” ต่อไป โดยเฉพาะในกรณีที่ปรับลดลงต่ำกว่า 1,562 จุด วันนี้ จะเป็นสัญญาณ “ลบ” ทางเทคนิค
แนะนำ 1) “ซื้อ” WORK ปรับเป้าหมายพื้นฐานขึ้นเป็น 73 บาท คาดกำไร 2Q17 จะแข็งแกร่งต่อเนื่องจาก 1Q17 จาก rating ที่ดีหนุนการปรับขึ้นค่าโฆษณา และอัตราการใช้เวลาโฆษณาดีขึ้น เป็น 70,000 บาท/นาทีปีนี้ จาก 52,000 บาท/นาทีในปีก่อน หรือ +35% y-y และคาดว่าจะปรับขึ้นเป็น 83,000 – 90,000 บาท/นาทีในปี 2018-19
และ 2)”ซื้อ” กลุ่มรับเหมาฯ : ล่าสุด ครม.เห็นชอบผลการคัดเลือก PPP รถไฟฟ้าสายสีม่วง-ชมพู มูลค่าเงินลงทุน 1.04 แสนล้านบาท ใช้ระยะเวลาก่อสร้าง 3 ปี.”ซื้อ” STEC SEAFCO และ PYLON
บล.กรุงศรี ระบุในบทวิเคราะห์ (31 พ.ค.) คงมุมมองเป็นกลางถึงลบ ปัจจัยชี้นำจากต่างประเทศส่วนใหญ่ค่อนไปทางลบ อาทิ ดาวโจนส์ปิดลบ ราคาน้ำมันลดลง ตลาดยุโรปเริ่มกังวลปัญหาการเมืองหลังอิตาลีอาจประกาศเลือกตั้งก่อนกำหนดขณะที่กรีซยังมีความเสี่ยงที่จะผิดนัดชำระหนี้ หลังที่ประชุมของยูโรกรุ๊ป IMF และกรีซ ยังไม่สามารถบรรลุข้อตกลงในการให้ความช่วยเหลือกรีซได้ ส่วนเช้าวันนี้ จีนประกาศตัวเลขดัชนี PMI ภาคการผลิตเดือนพ.ค.ไม่ตื่นเต้นโดยออกมาที่ 51.2 ทรงตัวเท่ากับเดือนที่ผ่านมาแต่ดีกว่าที่ตลาดคาดไว้เล็กน้อยที่ 51
กลยุทธ์การลงทุนเน้นเล่นสั้น ขึ้นขายลงซื้อ และเน้นหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว อาทิ หุ้นที่จะเข้าคำนวณในดัชนี MSCI Small Cap รอบใหม่ซึ่งจะเริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย.นี้ อาทิ BCPG BIG THANI PTL และ FSMART (อาจพิจารณาขายทำกำไรหุ้นที่ปรับขึ้นตอบรับข่าวไปแล้วก่อนถูกกดดันจาก Sell on fact) หุ้นที่ราคายังปรับขึ้นไม่มาก (Laggard) อาทิ BDMS และ BCH และ หุ้นที่คาดว่าจะเข้าคำนวนใน SET50/100 รอบใหม่ที่น่าสนใจ SET50 (EA BPP MTLS TISCO) และ SET 100 (WORK GFPT)
กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ : Selective Buy หุ้นเก็งกำไรระยะสั้น : TSR (ซื้อ/เป้า 6.50 บาท) โมเมนตัมกลับมาดี แนวโน้มกำไรสุทธิ 2Q17 คาดจะโตโดดเด่นทั้ง qoq และ yoy จากยอดขายกลับมาฟื้นตัวหลังรุกตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้ามากขึ้น และ มียอดหนี้เสียลดลง
บล.แอพเพิล เวลธ์ ระบุในบทวิเคราะห์ (31 พ.ค.) ว่า ช่วงเช้านี้จีนรายงานดัชนี PMI ภาคการผลิต พ.ค. อยู่ที่ระดับ 51.2 ยังขยายตัวดีกว่าคาดกาณ์ที่ 51.0 สะท้อนมุมมองบวกต่อการฟื้นตัวของภาคการผลิตจีน สัปดาห์นี้วันศุกร์ยังต้องติดตามรายงานการจ้างนอกภาคเกษตรสหรัฐ พ.ค. คาดเพิ่มขึ้น 180,000 ตำแหน่ง
กลยุทธ์การลงทุน ดัชนี SET ยังอยู่ในช่วงแกว่งตัวระหว่างรอการประชุม ECB และ FOMC ในเดือน มิ.ย. นี้ โดยมี Filter แนวรับสำคัญที่ 1,560 จุด แนวต้าน 1,575 จุด แนะนำเทรดดิ้งตามกรอบการลงทุน ระยะสั้นแนะนำเก็งกำไร KKP (+ ที่ปรึกษากองทุน TFF), BLAND (+ มูลค่าสินทรัพย์มีโอกาสเพิ่มขึ้นหากส่วนต่อขยายสัญญารถไฟฟ้าสายสีชมพูได้รับการอนุมัติในอนาคต)