จัดทัพ 24 หุ้นร้อน SET เสี่ยงปรับลงตามตปท.
ดัชนีหุ้นไทย (SET) วันนี้เสี่ยงปรับลงตามตลาดต่างประเทศ ขณะที่ปริมาณการซื้อขายยังต่ำ กลุ่มพลังงานถูกกดดันจากราคาน้ำมันดิบที่ลดลงแรง ส่วนประเด็นเฟดขึ้นดอกเบี้ยเป็นไปตามที่ตลาดคาดไว้อยู่แล้ว ด้านกระแสการลงทุนยังอยู่ในกลุ่มเก็งกำไรในหุ้นขนาดกลางถึงเล็กที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว
ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์รายงาน เช้านี้ ณ เวลา 9.20 น. ค่าเงินบาทอยู่ที่ 33.84 บาทต่อเหรียญ ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียส่วนใหญ่ปรับตัวลงหลังที่ประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 0.25% ขณะเดียวกันราคาน้ำมันร่วงลงกว่า 3% และข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐอ่อนแอ
นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทย (SET) วันนี้เสี่ยงปรับลงตามตลาดต่างประเทศ ขณะที่ปริมาณการซื้อขายยังต่ำ กลุ่มพลังงานถูกกดดันจากราคาน้ำมันดิบที่ลดลงแรง ส่วนประเด็นเฟดขึ้นดอกเบี้ยเป็นไปตามที่ตลาดคาดไว้อยู่แล้ว ด้านกระแสการลงทุนยังอยู่ในกลุ่มเก็งกำไรในหุ้นขนาดกลางถึงเล็กที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว
หุ้นเด่นเลือก BEAUTY, BJC, CK, STEC, UNIQ, SAWAD, KKP, THANI, LIT, BCH, THAI, RCL, TASCO, EPG, ASIAN, BPP, BR, ORI, EA, MTLS, TISCO, WORK, GFPT และ TPIPP
บล.ธนชาต ระบุในบทวิเคราะห์ (15 มิ.ย.) แม้ SET สามารถยืนได้เหนือแนวต้าน 1,575 จุด วานนี้ แต่ยังไม่วางใจ เนื่องจาก 1) ปริมาณการซื้อขายยังต่ำ ทำให้การ breakout ขาดเสถียรภาพ ขณะที่กลุ่มหุ้นใหญ่ SET50 ยังไม่มีการ breakout แนวต้าน 2) ราคาน้ำมันดิบ Brent ปรับลดลง -3.5% ที่ US$47/bbl ทำจุดต่ำสุดตั้งแต่ต้นปี โดยสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐฯ ลดลงน้อยกว่าคาด และ OPEC ผลิตน้ำมันเพิ่มในเดือน พ.ค. กดดันกลุ่มพลังงาน…ขณะที่การขึ้นดอกเบี้ย Fed 0.25% เป็น 1.25% ตามคาด คาดขึ้นอีกครั้งใน 4Q17 และ 3 ครั้งปีหน้า ขณะที่มีแผนลดขนาดสินทรัพย์อย่างช้าๆ เดือนละ US$1-5 หมื่นล้าน
1.ราคาน้ำมันที่ปรับลดลง รวมไปถึง Fed และ ECB มองแรงกดดันเงินเฟ้อลดลง คาดดอกเบี้ยในประเทศจะต่ำนาน “ซื้อ” Micro fianc และ leasing อย่าง MTLS SAWAD KKP TISCO THANI และ LIT 2.”ซื้อ” BCH ปรับพื้นฐานขึ้นเป็น 15.70 บาท ผลดีจากการปรับค่าเหมาฯจ่ายประกันสังคมมากที่สุด ผู้ป่วยเงินสดฟื้นตัว ให้เป็น top picks กลุ่ม และ 3. “ซื้อ” STEC เร่งลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน 2H17
บล.กรุงศรี ระบุในบทวิเคราะห์ (15 มิ.ย.) คงมุมมองเป็นกลางต่อเนื่องเป็นวันที่ 4 บรรยากาศการลงทุนโดยรวมยังเป็นบวก แต่จะถูกจำกัดด้วยกลุ่มพลังงานเนื่องจากถูกกดดันจากราคาน้ำมันดิบที่ลดลงแรง ส่วนประเด็นเฟดขึ้นดอกเบี้ยและส่งสัญญาณลดขนาดงบดุล ตลาดดาวโจนส์ อัตราแลกเปลี่ยน และ Bond yield ไม่ได้ตอบสนองกับปัจจัยนี้มากนักเนื่องจากเป็นไปตามที่ตลาดคาดไว้อยู่แล้ว ส่วนการปรับลดขนาดงบดุลไม่ได้สร้างความกังวลให้กับตลาดเนื่องจากเป็นการทยอยลดการถือครองสินทรัพย์ทำให้สภาพคล่องไม่ได้ลดลงแรงเหมือนที่ตลาดวิตก
ประเมินกระแสการลงทุนจะยังหมุนกลุ่มเก็งกำไรในหุ้นขนาดกลางถึงเล็กเหมือนเดิมโดยเน้นหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว อาทิ หุ้นที่ได้ผลบวกจากราคาน้ำมันลงแรง (THAI RCL TASCO EPG) ผลประกอบการ 2Q17 จะออกมาดี (ASIAN BPP BR ORI EA MTLS) และหุ้นที่คาดว่าจะเข้าคำนวณใน SET50/100 รอบใหม่ซึ่งคาดว่าจะประกาศรายชื่อในสัปดาห์นี้ และ ดัชนี FTSE รอบใหม่ซึ่งจะใช้ราคาปิดในวันที่ 16 มิ.ย.และเริ่มบังคับใช้ในวันที่ 19 มิ.ย. โดยหุ้นที่คาดว่าจะเข้าคำนวนใน SET50/100 รอบใหม่ที่น่าสนใจ SET50 (EA BPP MTLS TISCO) และ SET 100 (WORK GFPT) ส่วน ดัชนี FTSE Rebalance ที่น่าสนใจคือ EA, BPP, TPIPP
กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ : Selective Buy หุ้นเก็งกำไรระยะสั้น : RCL (ซื้อเก็งกำไร/เป้าหมาย BVPS ที่ 10.40 บาท) รับอานิสงส์ราคาน้ำมันลง ขณะที่ค่าระวางเรือคอนเทนเนอร์ (SCFI) ยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง เป็นบวกต่อแนวโน้มผลประกอบการในไตรมาส 2 ขณะที่ราคาหุ้นยังซื้อขายต่ำกว่า Book Value (BVPS 10.4 เทียบกับภูมิภาคซื้อขายเท่า Book Value ที่ 1 เท่า (KSS ยังไม่ได้จัดทำบทวิเคราะห์ตามปัจจัยพื้นฐาน)
บล.แอพเพิล เวลธ์ ระบุในบทวิเคราะห์ (15 มิ.ย.) ว่า วาง Filter แนวรับสำคัญไว้ที่ 1,565 จุด กรณียืนได้ ยังแนะนำเก็งกำไรตามโมเมนตัมของตลาด โดยมีแนวต้าน 1,590 จุด แนะนำซื้อหุ้นกลุ่ม Domestic Play เข่น BEAUTY, BJC และกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง CK, STEC, UNIQ