เปิดเมนู 24 หุ้นเด็ด SET ผันผวนขาขึ้น
ดัชนีหุ้นไทย (SET) วันนี้ผันผวนในทิศทางขึ้น ตามตลาดหุ้นต่างประเทศขานรับข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใส ขณะที่ราคาน้ำมันดิบรีบาวด์จึงคาดว่าจะเห็นแรงซื้อหุ้นในกลุ่มพลังงานเข้ามาบ้าง และอาจมีแรงเก็งกำไรหุ้นในกลุ่มแบงก์ที่จะทยอยประกาศผลประกอบการไตรมาส 2/60 ช่วงกลางเดือนนี้ การลงทุนยังคงเน้นกลุ่มที่มีแนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 2/60 ออกมาดีเป็นหลัก
ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์รายงาน เช้านี้ ณ เวลา 9.30 น. ค่าเงินบาทอยู่ที่ 33.99 บาทต่อเหรียญ ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวเพิ่มขึ้น รับดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กที่ปิดพุ่งขึ้นแข็งแกร่งเมื่อคืน โดยได้แรงหนุนจากการทะยานขึ้นของหุ้นกลุ่มธนาคารและพลังงาน
นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทย (SET) วันนี้ผันผวนในทิศทางขึ้น ตามตลาดหุ้นต่างประเทศขานรับข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใส ขณะที่ราคาน้ำมันดิบรีบาวด์จึงคาดว่าจะเห็นแรงซื้อหุ้นในกลุ่มพลังงานเข้ามาบ้าง และอาจมีแรงเก็งกำไรหุ้นในกลุ่มแบงก์ที่จะทยอยประกาศผลประกอบการไตรมาส 2/60 ช่วงกลางเดือนนี้ การลงทุนยังคงเน้นกลุ่มที่มีแนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 2/60 ออกมาดีเป็นหลัก
หุ้นเด่นเลือก KKP, SPRC, SAWAD, LIT, WORK, WHA, SEAFCO, IHL, ASIAN, BPP, BR, ORI, EA, MTLS, IHL, SYNTEC, PT, ECL, AOT, MINT, ERW, SYNTEC, STEC และ UNIQ
นายกิติชาญ ศิริสุขอาชา ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์รายย่อย บล.ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) เปิดเผยถึงตลาดหุ้นไทยเช้านี้ (4 ก.ค.) คาดว่าดัชนีฯจะแกว่งไซด์เวย์ อิงบวกเล็กน้อย เนื่องจากราคาน้ำมันดิบเมื่อคืนที่ผ่านมารีบาวด์ขึ้น ทำให้น่าจะได้เห็นแรงซื้อหุ้นในกลุ่มพลังงานเข้ามาบ้าง ประกอบกับอาจมีแรงเก็งกำไรหุ้นในกลุ่มแบงก์ หลังจะทยอยประกาศผลประกอบการงวดไตรมาส 2/60 ในช่วงกลางเดือนนี้ (ก.ค.)
ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้เคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบสลับกัน โดยนอกประเทศเวลานี้ให้ติดตามทิศทางค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯหลังจากสัปดาห์ที่ผ่านมาได้อ่อนค่าลงไปมาก และพรุ่งนี้ (5 ก.ค.) ให้ติดตามการประชุมกนง. ซึ่งตลาดฯคาดว่าน่าจะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 1.5% ซึ่งไม่ได้มีนัยยะต่อตลาดฯ และในวันศุกร์นี้ (7 ก.ค.) ติดตามตัวเลขการจ้างงาน และตัวเลขการว่างงานของสหรัฐฯ เพราะอาจจะมีผลต่อการพิจารณาการปรับอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ซึ่งเฟดจะมีการประชุมอีกครั้งในวันที่ 25 – 26 ก.ค.นี้ พร้อมให้แนวรับ 1,575 จุด ส่วนแนวต้าน 1,587 จุด
บล.ธนชาต ระบุในบทวิเคราะห์ (4 ก.ค.) แม้ SET ดูอ่อนแอกว่าคาด แต่ Momentum ยังไม่เสียหาย ขณะที่การ Rebalance SET50/100 ปลายตลาดวันนี้อาจส่งผลหุ้นรายตัวผันผวนเพิ่มขึ้น แต่ยังมองเป็นโอกาสซือกลุ่มหุ้นที่ถูกเพิ่มใน SET50/100 ที่มีพื้นฐานดี กำไร 2Q17 เติบโตสูงอย่าง MTLS EA TISCO WORK ต่อไป ขณะที่หุ้นที่ถูกถอดออกจากดัชนี SET50 อย่าง WHA แม้มีแรงขายเข้ามา แต่ด้วยแนวโน้มกำไร 2Q17 ที่คาดว่าจะเติบโตแข็งแกร่ง และระยะยาวได้ผลดีจากการพัฒนา EEC จะเป็นโอกาส “ซื้อ”
เข้าสู่ Earning Season และจ่ายปันผลระหว่างกาล แนะนำ 1) “ซื้อ” หุ้นกำไร 2Q17 เติบโตดี: MTLS (ขยายสาขา หนุนสินเชื่อโต) SAWAD EA LIT WORK WHA และ SEAFCO (ฐานกำไรต่ำในปีก่อน)
2) “ซื้อ” หุ้นจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล: KKP ปันผลสูง 2 บาท/หุ้น หรือ 2.8% และทั้งปี 8.4%, CPNRF คาดปันผล 6.2% ปีนี้ ขณะที่การแปลงเป็น REIT ปีหน้าเป็น upside risk ต่อปันผลเพิ่มเป็น 8.5% และ SPRC ปันผลทั้งปี 8.3% ค่าการกลั่นสูง, MC คาดปันผล 1H17 2.7% และทั้งปี 6%
บล.กรุงศรี ระบุในบทวิเคราะห์ (4 ก.ค.) คาด SET ยังผันผวนในทิศทางขึ้น ตามตลาดหุ้นต่างประเทศขานรับข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใสโดยเฉพาะดัชนี PMI ภาคการผลิตของประเทศเศรษฐกิจหลักของโลกปรับตัวขึ้นทั้งหมด ขณะที่ราคาน้ำมันดิบปรับขึ้นต่อเนื่องเป็นวันที่ 8 ส่งผลบวกต่อ Sentiment การลงทุนในหุ้นกลุ่มพลังงาน ส่วนปัจจัยในประเทศตัวเลขเศรษฐกิจยังไม่ดี อาทิ อัตราเงินเฟ้อทั่วไปเดือน มิ.ย. ติดลบต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 แต่เรายังไม่กังวลเนื่องจากเป็นผลของการลดลงของราคาน้ำมันและการเพิ่มขึ้นของอุปทานสินค้า แต่ในฝั่งของกำลังซื้อหรืออุปสงค์ยังฟื้นตัวได้
นอกจากนี้คาดว่าอัตราเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับต่ำจะกดดันให้แบงก์ชาติซึ่งจะประชุมในวันที่ 5 ตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 1.5% ตามเดิม กลยุทธ์การลงทุนเรายังเน้น Selective Buy หุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัววันนี้จะเป็นกลุ่มพลังงานได้ผลบวกจากราคาน้ำมันดิบที่เพิ่มขึ้น KTB มีโอกาสได้รับชำระหนี้หลังจากผู้ถือหุ้น AQ มีมติให้เพิ่มทุน ส่วนหุ้นที่แนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 2/17 จะออกมาดียังเป็นกลุ่มเดิม อาทิ ASIAN BPP BR ORI EA MTLS IHL SYNTEC PT และ ECL หุ้นที่มีปัจจัยบวกจากนักท่องเที่ยวจีนกลับมาเพิ่มขึ้น อาทิ AOT MINT ERW และหุ้นกลุ่มรับเหมาที่ได้ผลบวกจากการกระตุ้นการลงทุนจากภาครัฐ อาทิ STEC UNIQ และ SYNTEC
กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ : Selective Buy หุ้นเก็งกำไรระยะสั้น : IHL(ซื้อ/เป้า 10.50 บาท) ราคาหุ้นปรับตัวลง 14% หลังจากที่ขึ้นไปทดสอบราคาเป้าหมายของเรา ขณะที่ปัจจัยพื้นฐานไม่เปลี่ยนจึงเป็นโอกาสในการเข้าซื้อเพื่อเล่นและลงทุนรอบใหม่ โดยคาดกำไรสุทธิปีนี้เติบโต 29% yoy และ 37% yoy ในปีหน้า
บล.แอพเพิล เวลธ์ ระบุในบทวิเคราะห์ (4 ก.ค.) คาดปริมาณการซื้อขายยังชะลอตัวก่อนวันหยุดยาวช่วงปลายสัปดาห์ และจะเข้าสู่ช่วงรายงานผลประกอบการ Q2/60 ของกลุ่มธนาคารพาณิชย์ในสัปดาห์หน้า คาดดัชนี SET มีโอกาสทรงตัวอยู่ในกรอบ 1,570 – 1,590 จุด แนะนำซื้อ ERW ( Consensus@ 5.85 ) คาดการณ์อัตราการเข้าพักช่วง Q3 นี้อยู่ที่ระดับ 80 % และอัตรา EPS Growth ปีนี้คาดที่ระดับ 26 % (YoY)