เลือกเก็บ 24 บจ.เด็ด SET ยังไซด์เวย์ในกรอบ
ดัชนีหุ้นไทย (SET) วันนี้ยังไซด์เวย์ในกรอบเพื่อรอดูตัวเลขเศรษฐกิจจากต่างประเทศ การลงทุนยังเน้นเก็งกำไรในกลุ่มที่ผลประกอบการไตรมาส 2/60 ออกมาดีเป็นหลัก
ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์รายงาน เช้านี้ ณ เวลา 9.30 น. ค่าเงินบาทอยู่ที่ 33.70 บาทต่อเหรียญ ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวเพิ่มขึ้นในเช้าวันนี้ ตามทิศทางของดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อวันศุกร์ (14 ก.ค.) โดยดาวโจนส์ปิดทำนิวไฮติดต่อกันเป็นวันที่ 3 เนื่องจากข้อมูลเงินเฟ้อและยอดค้าปลีกที่ซบเซาของสหรัฐได้ช่วยสนับสนุนการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (FED) จะชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทย (SET) วันนี้ยังไซด์เวย์ในกรอบเพื่อรอดูตัวเลขเศรษฐกิจจากต่างประเทศ การลงทุนยังเน้นเก็งกำไรในกลุ่มที่ผลประกอบการไตรมาส 2/60 ออกมาดีเป็นหลัก หุ้นเด่นเลือก TISCO, THANI, MTLS, SAWAD, TCAP, GFPT, RS, ASIAN, BPP, BR, ORI, EA, IHL, SYNTEC, PT, AMATA, BEAUTY, DELTA, DTAC, KCE, KKP, MINT, STEC และ WORK
นายถนอมศักดิ์ สหรัตน์ชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการและหัวหน้าฝ่ายวิจัย บล.เคที ซีมิโก้ เปิดเผยถึงตลาดหุ้นไทยเช้านี้ (17 ก.ค.) คาดว่าจะแกว่งไซด์เวย์ โดยตลาดรอดูตัวเลขเศรษฐกิจของจีน ซึ่งเช้านี้จะมีประกาศตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) งวดไตรมาส 2/60 ของจีน ตลาดคาดว่าจะเติบโต 6.8% จากงวดปีก่อน ซึ่งยังนับว่าเป็นการเติบโตในระดับที่ดี ขณะที่งวดไตรมาส 1/60 เติบโต 6.9%
อนึ่ง เมื่อเช้านี้ สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) เปิดเผยว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ขยายตัว 6.9% ในไตรมาส 2/60 ไม่เปลี่ยนแปลงจากระดับการขยายตัวในไตรมาสแรก
ตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้เคลื่อนไหวทั้งในแดนบวกและลบ โดยตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดทำการในวันนี้ ส่วนตลาดหุ้นเกาหลีใต้, ตลาดหุ้นไต้หวัน และฮ่องกง ต่างอยู่ในแดนบวกกัน ทั้งนี้ ในสัปดาห์นี้ให้ติดตามการประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนเป็นหลัก โดยสัปดาห์นี้จะมี 68 บริษัทจดทะเบียนใน S&P ประกาศงบฯ ส่วนบ้านเราก็เป็นการทยอยประกาศงบฯของกลุ่มการเงิน สำหรับการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) และธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ที่จะมีขึ้นในวันพฤหัสบดีนี้ ตลาดก็คาดว่าจะคงอัตราดอกเบี้ย พร้อมให้แนวรับ 1,560 – 1,565 จุด ส่วนแนวต้าน 1,585 – 1,590 จุด
บล.ธนชาต ระบุในบทวิเคราะห์ (17 ก.ค.) มอง SET มีแนวโน้มเคลื่อนไหวแบบ Sideways กรอบ 1,574 – 1,590 จุดในช่วงการประกาศงบ 2Q17 ไม่เปลี่ยนแปลง แต่ภาพระยะกลาง 3-6 เดือนข้างหน้าดูน่าสนใจมากขึ้น เนื่องจาก 1) เศรษฐกิจจะเร่งตัว และมีเสถียรภาพด้วยการเติบโต 3.4% ปีนี้, 3.7-4.5% ในปี 2018-19 2) สภาพคล่องในประเทศสูง และดอกเบี้ยยังต่ำต่อไปในระยะ 6 เดือนข้างหน้า 3) กำไรบริษัทจดทะเบียนเร่งตัวขึ้นเป็น +9.2% ส่งผลให้ PE18 ลดลงเหลือ 14.1 เท่า ถือว่า “ไม่แพง” สรุป ระยะสั้น เน้น “Selective” ขณะที่ภาพระยะกลาง – ยาว น่าสนใจลงทุนมากขึ้น ชอบ AMATA BEAUTY DELTA DTAC EA KCE KKP MINT STEC และ WORK
แนะนำ “ซื้อ” DTAC (TP 65) มองการแกว่งตัวลง Sell on fact หลังงบออกมาดีกว่าคาดเป็นโอกาส “ซื้อ” ด้วยเป้าหมายพื้นฐาน 65 บาท… และ “ซื้อ” Leasing + Micro finance: TISCO KKP THANI MTLS SAWAD รวมถึง “ซื้อ” Laggard plays ที่คาดการณ์กำไร 2Q17 จะแข็งแกร่ง : BEAUTY (ราคาหุ้น -6.7% YTD แต่คาดการณ์กำไรโตสูง 39-36% ปี 2017-18)
บล.กรุงศรี ระบุในบทวิเคราะห์ (17 ก.ค.) คาด SET ยังผันผวนในทิศทางขึ้น (Sideways up) คาดหวัง Fund Flow ต่างชาติไหลเข้าหลังเงินเฟ้อสหรัฐลดลงกดดันเฟดชะลอขึ้นอัตราดอกเบี้ย เป็นบวกต่อหุ้นในกลุ่ม Big Cap นำโดยกลุ่มพลังงานราคาน้ำมันดิบเพิ่มขึ้นขึ้นต่อเนื่องเป็นวันที่ 5 กลุ่มสื่อสารเก็งกำไรงบ 2Q17 หลัง DTAC ประกาศงบดีเกินคาด และยังหวัง ADVANC ประกาศจ่ายปันผลระหว่างกาล ส่วนกลุ่มธนาคารแม้กังวลงบ 2Q17 แต่ส่วนใหญ่ประกาศงบในช่วงท้ายสัปดาห์ ทำให้วันนี้ไม่น่าจะมีแรงกดดันมาก
กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ : ยังเน้น Selective buy หุ้นที่ปัจจัยบวกเฉพาะตัว อาทิ กลุ่มที่แนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 2/17 จะออกมาดี ASIAN BPP BR ORI EA MTLS IHL SYNTEC PT
หุ้นเก็งกำไรระยะสั้น : RS (ซื้อ/เป้า 17) คาดงบ 2Q17 พลิกมีกำไรจาก 2Q16 ขาดทุนสุทธิ 85 ล้านบาท รับอานิสงส์ยอดขายเครื่องสำอางค์ดีเกินคาด, IHL (ซื้อ/เป้า 10.50) คาดงบ 2Q17 จะออกมาเติบโต yoy เนื่องจากเริ่มรับรู้รายได้จากยอดสั่งซื้อของ GLI ในเดือน พ.ค.เป็นเดือนแรก
บล.แอพเพิล เวลธ์ ระบุในบทวิเคราะห์ (17 ก.ค.) จากทิศทาง Dollar Index เช้านี้อ่อนค่าลงสู่ระดับ 95.11 ส่งผลให้ค่าเงินบาทแข็งค่าอยู่ที 33.74 บาท/ดอลลาร์ ยังเป็นปัจจัยบวกหนุนการลงทุน โดยดัชนี SET มีแนวรับสำคัญที่ 1,570 จุด แนวต้าน 1,590 จุด แนะนำเทรดดิ้งระยะสั้นตามกรอบการลงทุนระหว่างรอผลประกอบการกลุ่มธนาคาร แนะนำซื้อหุ้นที่คาดมีผลประกอบการ Q2/60 ดี เช่น GFPT ([email protected]), TCAP ([email protected])