จัด 15 บจ.ฟอร์มดี ไตรมาสแรกมีทีเด็ดSET Downside จำกัด ขึ้นแรงขาย-ลงแรงซื้อ
นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทยระยะสั้นยังอ่อนแอจากแรงขายหุ้นในกลุ่มธนาคารต่อเนื่อง แต่ Downside จำกัด จากราคาน้ำมันดิบที่ทรงตัวแข็งแกร่งส่งผลดีต่อกลุ่มพลังงาน นอกจากนี้ยังมีแรงหนุนจากหุ้นหลักในกลุ่ม ICT การลงทุนเลือกกลุ่มที่คาดว่าจะมีผลประกอบการในไตรมาสแรกดี และกลุ่มได้ประโยชน์จากเงินบาทอ่อนค่า
ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์ รายงานว่า เช้านี้ ณ เวลา 9.18 น. ค่าเงินบาทอยู่ที่ 33.30 บาทต่อเหรียญ ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลง โดยได้รับอิทธิพลจากตลาดหุ้นนิวยอร์กที่ปิดในแดนลบเมื่อคืนนี้
นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทยระยะสั้นยังอ่อนแอจากแรงขายหุ้นในกลุ่มธนาคารต่อเนื่อง แต่ Downside จำกัด จากราคาน้ำมันดิบที่ทรงตัวแข็งแกร่งส่งผลดีต่อกลุ่มพลังงาน นอกจากนี้ยังมีแรงหนุนจากหุ้นหลักในกลุ่ม ICT โดยมีระดับน่าสนใจอยู่ที่ 1,550 จุด
กลยุทธ์การลงทุนช่วงนี้แนะนำขึ้นแรงขาย-ลงแรงซื้อ โดยเลือกกลุ่มที่คาดว่าจะมีผลประกอบการในไตรมาสแรกดี และกลุ่มได้ประโยชน์จากเงินบาทอ่อนค่า หุ้นเด่นเลือก ITD-TASCO-TPIPL-WHA-ASK-PTT-PTTEP-HANA-KCE-INTUCH-ADVANC-TRUEIF-JASIF-SCB และ HTC
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ (7 พ.ค.) ภาพรวมของตลาดหุ้นไทยในช่วงนี้ ยังคงให้มุมมองเป็นลักษณะ Downside risk จำกัด จากราคาน้ำมันดิบที่ทรงตัวแข็งแกร่ง บวกกับผลการดำเนินงานของกลุ่มพลังงาน / ปิโตรเคมี จะพลิกจากขาดทุนเป็นกำไรในไตรมาส 1/58 และมีแนวโน้มเติบโตจากไตรมาสก่อนตามทิศทางราคาน้ำมันดิบ และหุ้นหลักในกลุ่ม ICT
แต่ Upside ของ SET INDEX ก็จำกัดเช่นเดียวกัน เพราะสภาพเศรษฐกิจไทยที่ผ่านจุดที่แย่ที่สุดในปี 2557 ไปแล้ว แต่ยังไม่เห็นภาพชัดของการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจในประเทศ รวมถึงความล่าช้าของการใช้จ่ายเงินลงทุนขนาดใหญ่ของภาครัฐ เพราะติดเงื่อนไขของระดับหนี้สาธารณะ ทำให้กลุ่มธนาคาร / ที่อยู่อาศัย / รับเหมาก่อสร้าง ฟื้นตัวได้อย่างจำกัด
ดังนั้นกลยุทธ์การลงทุนช่วงนี้ คงแนะนำให้ นักลงทุนใช้กลยุทธ์ “ขึ้นแรงขาย ลงแรงซื้อ” หรือ ตลาดเทรดดิ้ง ต่อเนื่องจากเดือนเม.ย. แรงกดดันจาก Sell in May and Go Away อาจเป็นไปอย่างจำกัด
สำหรับตลาดหุ้นไทยในรอบนี้ เว้นเสียแต่ว่า สถาบันภายในประเทศจะต้องการล้างไพ่ เปิดเกมส์ใหม่อีกครั้ง เหมือนที่เกิดขึ้นในเดือนมี.ค.ที่ผ่านมา เนื่องจากตั้งแต่ต้นปีนักลงทุนกลุ่มนี้ซื้อสุทธิสูงสุด 1.86 หมื่นล้านบาท ตามมาด้วย Prop Trade ซื้อสุทธิ 3.2 พันล้านบาท
ขณะที่ภาวะการจ้างงานภาคเอกชนของสหรัฐฯ เดือนเม.ย.ออกมาต่ำกว่าคาด จับตาการรายงานภาวะการจ้างงานเดือนเม.ย.ของสหรัฐฯ ในคืนวันศุกร์นี้
กลยุทธ์การลงทุนแนะนำ “นักลงทุนยังคงใช้กลยุทธ์ ขึ้นแรงขาย-ลงแรงซื้อ” ด่านที่น่าสนใจในรอบนี้ คือ 1,550 จุด +/- ที่ยังไม่น่าผ่านในช่วงสั้น
Top Pick in Q2/15: ITD / TASCO / TPIPL / WHA
Accumulative Buy: ADVANC / ITD
บล.ธนชาต ระบุในบทวิเคราะห์ (7 พ.ค.) ว่า แนวโน้ม SET ระยะสั้นแม้จะยังอ่อนแอจากแรงขายหุ้นในกลุ่มธนาคารต่อเนื่อง แต่คาดว่า Downside Risk จะจำกัด ที่ 1,500-1,515 จุด จาก 1) ความคืบหน้าร่างรัฐธรรมนูญภายใน 2 เดือนข้างหน้า 2) การลดดอกเบี้ยส่งผลให้ต้นทุนการเงินลดลง 3) สภาพคล่องในประเทศสูง และ 4) Fed ยังคงดอกเบี้ยต่ำต่อไป
แนะนำ “ซื้อ” กลุ่มหุ้นที่ได้รับผลดีจากอัตราดอกเบี้ยต่ำ อย่าง INTUCH, ADVANC รวมไปถึง Reit และ Infrastructure Fund อย่าง TRUEIF, JASIF “เก็งกำไร” INTUCH จาก 1) ผลการดำเนินงานมีแนวโน้มดีขึ้น +15% ปีนี้ จาก +1% ในปี 2014 2) ได้รับผลบวกจาก ADVANC ในการประมูล 4G ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นใน 6-9 เดือนข้างหน้า 3) ได้รับผลดีจากดอกเบี้ยที่ต่ำลง โดยมีเป้าหมายทางพื้นฐาน 95 บาท และทางเทคนิคระยะสั้นแนวต้าน 79.50 บาท
บล.เอเซีย พลัส ระบุในบทวิเคราะห์ (7 พ.ค.) คาดว่า SET น่าจะได้แรงหนุนจากหุ้นน้ำมัน (PTT, PTTEP) ตามการฟื้นตัวของราคาน้ำมันดิบ และหุ้นส่งออกที่ได้ประโยชน์จากเงินบาทอ่อนค่า (HANA, KCE) วันนี้ยังเลือก PTTEP (FV@B140) และ ASK ([email protected]) เป็น Top picks โดย ASK ได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยขาลงมากสุด
บล.กรุงศรี ระบุในบทวิเคราะห์ (7 พ.ค.) คาดการณ์มุมมองทางเทคนิค ดัชนีตลาดปรับลดลงเมื่อวานนี้และเคลื่อนไหวอยู่ใต้เส้นค่าเฉลี่ย 25 วันแต่พบว่ารูป candlestick มีลักษณะรูปแบบ tweezers bottom ทำให้เราเชื่อว่าภาพตลาดยังมีทิศทางแบบ sideway ที่กรอบใหญ่ที่ 1,520-1,570 ในรูปแบบ rectangle ภาพหลักยังไม่พบสัญญาณขาลง ระยะสั้น SET ยังแกว่งตัวในกรอบใหม่ที่ 1,512-1,534 ในระยะใกล้ๆ นี้เช่นเดิม
แนวโน้มของตลาดจะเคลื่อนไหวที่กรอบ 1,512-1,534
หุ้นที่เลือกวันนี้มีโอกาสปรับขึ้น แนะนำซื้อเก็งกำไร SCB และ HTC