เก็งกำไร 15 หุ้นร้อน SET ปรับขึ้นในกรอบ
ดัชนีหุ้นไทย (SET) วันนี้มีโอกาสปรับตัวขึ้นจากแนวโน้มเศรษฐกิจไทยที่ดีกว่าคาด อย่างไรก็ตาม การลงทุนยังคงเน้นเก็งกำไร โดยเข้าลงทุนในกรอบเวลาสั้นๆ เน้นกลุ่มที่มีปัจจัยเฉพาะตัว
ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์รายงาน เช้านี้ ณ เวลา 9.35 น. ค่าเงินบาทอยู่ที่ 33.23 บาทต่อเหรียญ ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียเคลื่อนไหวอย่างผันผวน โดยได้รับแรงกดดันจากตลาดหุ้นนิวยอร์กที่มีวอลุ่มการซื้อขายบางเบา เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์การเมืองในสหรัฐ และความตึงเครียดในคาบสมุทรเกาหลี นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทย (SET) วันนี้มีโอกาสปรับตัวขึ้นจากแนวโน้มเศรษฐกิจไทยที่ดีกว่าคาด อย่างไรก็ตาม การลงทุนยังคงเน้นเก็งกำไร โดยเข้าลงทุนในกรอบเวลาสั้นๆ เน้นกลุ่มที่มีปัจจัยเฉพาะตัว หุ้นเด่นเลือก AMATA, WHA, KKP, SPRC, LH, PTTGC, PTT, AAV, PSL, JMART, RJH, VNT, PDI, GGC และ TPOLY
นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทิสโก้ เปิดเผยถึงตลาดหุ้นไทยเช้านี้ (22 ส.ค.) คาดว่าจะปรับตัวขึ้นได้ในกรอบแคบ เนื่องจากได้แรงหนุนจากแนวโน้มเศรษฐกิจไทยที่ดีกว่าคาด จากที่ตัวเลข GDP งวดไตรมาส 2/60 ออกมาโต 3.7% ดีกว่าตลาดฯคาด และปีนี้และปีหน้าเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มที่จะดีขึ้น
นอกจากนี้ ตลาดยังน่าจะได้แรงหนุนจากหุ้นขนาดใหญ่ประกาศจ่ายปันผล ล่าสุดมีหุ้น RATCH, PTTGC และคาดว่าสัปดาห์นี้จะมีหุ้นในกลุ่มธนาคารอีกหลายตัวประกาศจ่ายปันผลด้วย ซึ่งจะเป็นปัจจัยกระตุ้นแรงซื้อได้ แต่เชื่อว่าดัชนีจะไม่ไปไหนไกล เนื่องจากต้องรอดูการประชุมเศรษฐกิจประจำปีของธนาคารกลางสหรัฐ (FED) ซึ่งจะจัดขึ้นที่เมืองแจ็กสัน โฮล รัฐไวโอมิง ในวันที่ 24 – 26 ส.ค.นี้ และรอดูคำพิพากษาคดีรับจำนำข้าวที่มี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีเป็นจำเลย ในวันที่ 25 ส.ค.นี้ด้วย ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้เคลื่อนไหวในแดนบวกเล็กน้อยราว 0.1% พร้อมให้แนวรับ 1,568 – 1,562 จุด ส่วนแนวต้าน 1,572 – 1,575 จุด
บล.ธนชาต ระบุในบทวิเคราะห์ (22 ส.ค.) ว่า GDP 2Q17 +3.7% ดีกว่าตลาด และฝ่ายวิจัยคาด และคาดการณ์เศรษฐกิจเร่งตัวขึ้นต่อเนื่องในช่วง 1 – 2 ปีข้างหน้าจากภาคการท่องเที่ยวแข็งแกร่ง และการลงทุนภาครัฐฯ หนุน SET แข็งแกร่งกว่าคาด แต่คาด upside ระยะสั้นยังจำกัดที่ 1,580-1,590 จุด รอคำตัดสินศาลฯ กรณีจำนำข้าววันที่ 25 ส.ค.
1) “ซื้อ” AMATA (TP 23).กฎหมาย EEC ที่จะออกภายในปีนี้ จะเป็น catalyst ระยะสั้น เริ่มเห็นสัญญาณ “บวก” ของ demand การลงทุนในพื้นที่ EEC เพิ่มขึ้น คาดยอดขายทั้ง AMATA และ WHA จะเร่งตัวขึ้นใน 2H17 ทั้งนี้ราคา AMATA ที่ PBV17 1.47 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 20 ปีที่ 1.9 เท่า ขณะที่ WHA เป็นยัง laggard ที่ได้ผลดีจาก NAV เพิ่มขึ้นจาก WHAUP
2) กลุ่มหุ้นปันผลสูง “ซื้อ” KKP (คาดปันผล 2 บาท/หุ้น หรือ 2.9%) CPNRF SPRC (XD 0.4621 บาท หรือ 2.8% วันที่ 25 ส.ค.) LH (XD 0.4 บาท หรือ 3.9% 23 ส.ค.) รวมถึง PTTGC (XD 1.75 บาท 31 ส.ค. คิดเป็น yield 2.4% มองเป็น laggard play ในกลุ่มปิโตรฯ-โรงกลั่น) และ PTT (XD 8 บาท หรือ 2% 31 ส.ค.
บล.เคทีบี (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ (22 ส.ค.) ว่า แม้ภาพรวมจะแนะนำชะลอการลงทุน แต่เนื่องจากมีหุ้นบางกลุ่มที่สามารถสวนตลาดขึ้นมาหรือได้รับความสนใจจากนักลงทุน ทำให้การลงทุนควรเป็นแบบ selective buy เน้นปัจจัยเฉพาะตัว โดยเข้าลงทุนเพียงกรอบเวลาสั้นๆ โดยกลุ่มที่คาดว่าจะเป็นเป็นบวก จะเป็นกลุ่มท่องเที่ยว กลุ่มปิโตรเคมี หุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์ประจำวัน : สำหรับหุ้นที่คาดว่าอาจได้รับความสนใจจากนักลงทุนในวันนี้ อาทิ AAV, PSL, JMART, RJH, VNT หุ้นแนะนำเชิงเทคนิค : PDI, GGC, TPOLY