เคาะ 13 หุ้นเทรนด์ดี SET ปรับขึ้นหลังการเมืองลดความร้อนแรง

ดัชนีหุ้นไทย (SET) วันนี้มีโอกาสปรับตัวขึ้น หลังปัจจัยการเมืองในประเทศได้ลดน้ำหนักลง ขณะที่นักลงทุนจะกลับมาสนใจแนวโน้มการเติบโตกำไร และ Valuation ของตลาดที่น่าสนใจในปี 2018 ซึ่งในช่วงครึ่งปีหลัง มองกลุ่มพลังงาน, รับเหมาฯ, อสังหาริมทรัพย์ และสื่อสารจะนำพาให้ตลาดปรับขึ้นไปได้


ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์รายงาน เช้านี้ ณ เวลา 9.35 น. ค่าเงินบาทอยู่ที่ 33.20 บาทต่อเหรียญ ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียเคลื่อนไหวอย่างผันผวนหลังนางเจนเน็ต เยลเลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (FED) และนายมาริโอ ดรากี ประธานธนาคารกลางยุโรป (ECB) กล่าวสุนทรพจน์ในการประชุมเศรษฐกิจประจำปีของเฟดที่เมืองแจ็กสัน โฮล เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา โดยทั้งสองไม่ได้เปิดเผยถึงทิศทางนโยบายทางการเงินในอนาคต

นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทย (SET) วันนี้มีโอกาสปรับตัวขึ้น หลังปัจจัยการเมืองในประเทศได้ลดน้ำหนักลง ขณะที่นักลงทุนจะกลับมาสนใจแนวโน้มการเติบโตกำไร และ Valuation ของตลาดที่น่าสนใจในปี 2018 ซึ่งในช่วงครึ่งปีหลัง มองกลุ่มพลังงาน, รับเหมาฯ, อสังหาริมทรัพย์ และสื่อสารจะนำพาให้ตลาดปรับขึ้นไปได้ หุ้นเด่นเลือก IRPC, BCP, TOP, ESSO, SPRC, PTTGC, ITD, CK, STEC, UNIQ, KKP, AMATA และ WHA

นายธีรวุฒิ กานต์นิภากุล ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) เปิดเผยตลาดหุ้นไทยเช้านี้ (28 ส.ค.) มีโอกาสที่จะปรับตัวขึ้น เนื่องจากปัจจัยการเมืองในประเทศได้ลดน้ำหนักลงแล้ว และไม่มีประเด็นอะไรที่กังวล ส่วนการประชุมเศรษฐกิจประจำปีของธนาคารกลางสหรัฐ (FED) ที่เมืองแจ็กสัน โฮล ไม่ได้มีอะไร ทางประธานธนาคารกลางยุโรป (ECB) ไม่ได้มีการพูดถึงการปรับลดมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ทำให้เห็นว่าการเคลื่อนย้ายเงินทุนคงจะไม่เกิดขึ้นในช่วงนี้ ส่วนประธานเฟดก็ยังคงจับตาเศรษฐกิจของสหรัฐฯต่อไป นอกจากนี้ ราคาน้ำมันได้ปรับตัวขึ้นหลังมีพายุเข้า รวมไปถึงแท่นขุดเจาะน้ำมันของสหรัฐฯลดลง ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่อยู่ในแดนบวก ทำให้ตลาดฯมีโอกาสที่จะฟื้นตัวขึ้น

ทั้งนี้ ถ้าดัชนีฯทะลุแนว 1,581 จุด ขึ้นไปได้จะเป็นขาขึ้นรอบใหม่ อย่างไรก็ตาม ในช่วงครึ่งปีหลังนี้ มองกลุ่มพลังงาน, รับเหมาฯ, อสังหาริมทรัพย์ และสื่อสารจะนำพาให้ตลาดปรับขึ้นไปได้ พร้อมให้แนวรับ 1,572 จุด ส่วนแนวต้าน 1,581-1,590 จุด

บล.ธนชาต ระบุในบทวิเคราะห์ (28 ส.ค.) ว่า มีมุมมอง “บวก” ต่อปัจจัยการเมืองเพิ่มหลังคุณยิ่งลักษณ์ จะขอลี้ภัยการเมืองในอนาคตจาก 1) ความกังวลต่อความขัดแย้งการเมืองระยะสั้นจบลง 2) นักลงทุนจะกลับมาสนใจแนวโน้มการเติบโตกำไร และ valuation ตลาดที่น่าสนใจในปี 2018 3) การเมืองยังมีเสถียรภาพต่อไป และการลงทุนภาครัฐฯ รวมไปถึงการออกกฎหมาย EEC ยังดำเนินต่อไป ขณะที่ Fed และ ECB ไม่ได้ส่งสัญญาณการต่อใช้นโยบายการเงิน ที่ Jackson Hole

แนะนำ 1.”ซื้อ” หุ้นโรงกลั่น ผลดีค่าการกลั่นสูง US$8/bbl หนุนกำไร 3Q17 โดยเฉพาะ TOP ESSO (PE ต่ำ 6 เท่า) SPRC ขณะที่ PTTGC  เป็น Laggard Play ที่กำไรจะเติบโตสูง 2H17 จากกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้น 2.”ซื้อ” หุ้นปันผลสูง มองดอกเบี้ยต่ำนาน โดยเฉพาะ KKP รับปันผล 2.9% XD 5 ก.ย.นี้ และล่าสุดจะเร่งออกกองทุน Thailand Future Fund ภายในปีนี้ และ CPNRF ประชุมผู้ถือหุ้นแปลงเป็น REIT วันนี้ และ 3.”ซื้อ” กลุ่มนิคมฯ มองนโยบายพัฒนาพื้นที่ EEC มีความต่อเนื่อง “ซื้อ” AMATA  (PE18 11.2 เท่า) และ WHA (PE18 14 เท่า)

บล.แอพเพิล เวลธ์ ระบุในบทวิเคราะห์ (28 ส.ค.) วาง Filter แนวรับที่ 1,565 จุด กรณียืนได้ดัชนีไม่มีสัญญาณลบ โดยมีแนวต้านที่ 1,580 – 1,590 จุด แนะนำซื้อเก็งกำไรกลุ่มรับเหมา เช่น ITD, CK, STEC, UNIQ (+ ประมูลรถไฟทางคู่สายประจวบ – ชุมพร สัญญาที่ 1 – 2 ในวันพฤหัสนี้) และ BCP, IRPC, ESSO (+ ค่าการกลั่นสูงกว่าระดับ 8 ดอลลาร์/บาร์เรล)

Back to top button