เก็งกำไร 14 หุ้นเด็ด SET ไซด์เวย์
ดัชนีหุ้นไทย (SET) วันนี้คาดว่าจะแกว่งไซด์เวย์และมีโอกาสย่ำฐานต่อจากวานนี้หลังปรับสูงขึ้นแรงตั้งแต่ต้นสัปดาห์ อย่างไรก็ตามเชื่อว่าดัชนีมี Downside จำกัดและยังคงมุมมองบวกต่อเนื่องจากปัจจัยภายในประเทศ ขณะที่วันนี้มีจังหวะหุ้นขนาดกลางสลับเป็นกลุ่มนำตลาด
ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์รายงาน เช้านี้ ณ เวลา 9.20 น. ค่าเงินบาทอยู่ที่ 33.20 บาทต่อเหรียญ ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียส่วนใหญ่ปรับตัวเพิ่มขึ้น หลังสำนักงานสถิติแห่งชาติของจีน (NBS) เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเดือนส.ค. ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 51.7 จากระดับของเดือนก.ค.ที่ 51.4
นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทย (SET) วันนี้คาดว่าจะแกว่งไซด์เวย์และมีโอกาสย่ำฐานต่อจากวานนี้หลังปรับสูงขึ้นแรงตั้งแต่ต้นสัปดาห์ อย่างไรก็ตามเชื่อว่าดัชนีมี Downside จำกัดและยังคงมุมมองบวกต่อเนื่องจากปัจจัยภายในประเทศ ขณะที่วันนี้มีจังหวะหุ้นขนาดกลางสลับเป็นกลุ่มนำตลาด หุ้นเด่นเลือก EA, WORK, AMATA, WHA, ESSO, TOP, PTTGC, PTT, BCP, IRPC, KBANK, ITD, CK และ STEC
นายกิติชาญ ศิริสุขอาชา ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์รายย่อย บล.ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) เปิดเผยถึงตลาดหุ้นไทยเช้านี้ (31 ส.ค.) คาดว่าจะแกว่ง Sideway up เนื่องจากในช่วงเช้านี้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐ ได้กล่าวย้ำถึงการผลักดันนโยบายปฏิรูปภาษีนิติบุคคล คือการปรับลดอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคล ลงสู่ระดับ 15% จากระดับ 35% ในปัจจุบัน ทำให้นักลงทุนมีความมั่นใจมากขึ้น อีกทั้งตัวเลขประมาณการครั้งที่ 2 ของ GDP ประจำไตรมาส 2/2560 ของสหรัฐฯวานนี้ ระบุเศรษฐกิจขยายตัว 3.0% สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 2.7%
ส่วนตลาดบ้านเรามีการปรับฐานไปแล้ววานนี้ และนักลงทุนต่างชาติยังซื้อสุทธิอยู่ เพียงแต่ในระหว่างทางอาจเผชิญแรงขายทำกำไรอยู่บ้าง นอกจากนี้ FTSE ได้นำ EA และ WORK เข้าคำนวณในดัชนีฯฟุตซี่ ดังนั้นอาจทำให้มีแรงซื้อเข้ามา ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่อยู่ในแดนบวกเล็กน้อย พร้อมให้แนวรับ 1,610 จุด ส่วนแนวต้าน 1,620 จุด
บล.ธนชาต ระบุในบทวิเคราะห์ (31 ส.ค.) ว่า SET อาจ “ย่ำฐาน” บ้างหลังปรับสูงขึ้นแรงตั้งแต่ต้นสัปดาห์ แต่ไม่น่ากังวล และมี Downside จำกัดที่ คงมุมมอง “บวก” ต่อเนื่องล่าสุดคลังฯ มีแนวโน้มปรับเป้าหมายการเติบโต GDP ขึ้น ขณะที่ FTSE จะ Rebalance ดัชนีอ้างอิงวันที่ 15 ก.ย.นี้ โดยมี WORK และ EA ถูกเพิ่มในการคำนวณดัชนี
SET “ย่ำฐาน” วันนี้มีจังหวะหุ้นขนาดกลางสลับเป็น “กลุ่มนำ” แนะนำ 1. “ซื้อ” กลุ่มหุ้นที่ FTSE เพิ่มน้ำหนักลงทุนวันที่ 15 ก.ย.นี้, momentum กำไรดี และพื้นฐานแข็งแรง อย่าง EA และ WORK 2. “ซื้อ” กลุ่มนิคมฯ แม้เป็นหุ้นขนาดกลาง แต่จะได้ผลดีจากการนำกฎหมาย EEC เข้า ครม.ในอีก 1-2 เดือนข้างหน้า ชอบ AMATA และ WHA และ 3. “ซื้อ” กลุ่มโรงกลั่นฯ ผลกระทบจากพายุ “ฮาร์วีย์” ส่งผลโรงกลั่นสหรัฐฯ หยุดผลิต ส่งผล GRM เพิ่มขึ้นสูงกว่า USD10/bbl ชอบ ESSO ที่ยัง Laggard โรงกลั่นอื่นมาก, TOP ที่เป็นเป้าหมายซื้อของต่างชาติ และ PTTGC (XD วันนี้) ที่คาดการณ์กำไร 2H17 เติบโตแกร่ง รวมไปถึง PTT ที่ได้รับผลดีจากกำไรหุ้นลูกที่ดีขึ้น
บล.แอพเพิล เวลธ์ ระบุในบทวิเคราะห์ (31 ส.ค.) กลยุทธ์การลงทุน วางแนวรับที่ 1,600 จุด และแนวต้านที่ 1,650 ( Forward P/E 16.4 เท่า ) แนะนำทยอยซื้อหุ้นกลุ่ม Big Cap. เช่น KBANK, PTTGC, ITD, CK, STEC, AMATA และเก็งกำไรระยะสั้นกลุ่มโรงกลั่น เช่น TOP, BCP, IRPC, ESSO ( +ค่าการกลั่นสิงค์โปร์เช้านี้อยู่ที่ 10 ดอลลาร์/บาร์เรล )