เก็งกำไร 10 หุ้นเด็ด SET ทรงตัวในกรอบ

ดัชนีหุ้นไทย (SET) วันนี้ทรงตัวในกรอบแคบ แรงเก็งกำไรกลับเข้ามาในหุ้นขนาดกลางและเล็กเป็นส่วนใหญ่ ทำให้ไม่มีผลต่อการเคลื่อนไหวของดัชนีมากนัก อย่างไรก็ตาม ด้วยปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มขึ้นในสัปดาห์ที่ผ่านมา ทำให้มองว่าภาวะตลาด "กระทิง" อาจมาเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้


ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์รายงาน เช้านี้ ณ เวลา 9.30 น. ค่าเงินบาทอยู่ที่ 33.13 บาทต่อเหรียญ ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวเพิ่มขึ้น จากแรงซื้อเก็งกำไร อย่างไรก็ตาม นักลงทุนยังคงจับตาสถานการณ์เกาหลีเหนืออย่างใกล้ชิด หลังมีรายงานว่า เกาหลีเหนืออาจจะทำการทดลองยิงขีปนาวุธข้ามทวีป (ICBM) ในวันเสาร์ที่ 9 ก.ย.นี้ เพื่อเฉลิมฉลองวันก่อตั้งสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลี

นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทย (SET) วันนี้ทรงตัวในกรอบแคบ แรงเก็งกำไรกลับเข้ามาในหุ้นขนาดกลางและเล็กเป็นส่วนใหญ่ ทำให้ไม่มีผลต่อการเคลื่อนไหวของดัชนีมากนัก อย่างไรก็ตาม ด้วยปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มขึ้นในสัปดาห์ที่ผ่านมา ทำให้มองว่าภาวะตลาด “กระทิง” อาจมาเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ หุ้นเด่นเลือก DTAC, WHA, AMATA, ITD, CK, STEC, UNIQ, SEAFCO, ERW และ MINT

นายคณฆัส จิรเสวีนุประพันธ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและบริการการลงทุน บล.โนมูระ พัฒนสิน เปิดเผยถึงการเคลื่อนไหวของดัชนีหุ้นไทยวันนี้ (5 ก.ย.) จะแกว่งตัวในกรอบจำกัด โดยมีโอกาสปรับขึ้นก่อนที่จะย่อตัวลงมาเหมือนคล้ายกับเมื่อวานนี้ หลังจากช่วง 3 – 4 วันที่ผ่านมาดัชนีเริ่มทำยอดสูงแต่ละครั้งลดลง และมูลค่าซื้อขายเริ่มทรงตัวอยู่ที่ราว 44,000 ล้านบาท หลังจากที่พุ่งไปถึงราว 95,000 ล้านบาทเมื่อวันที่ 29 ส.ค.ที่ผ่านมา นอกจากนี้เม็ดเงินที่เคยกระจายในทุกกลุ่ม โดยเฉพาะในกลุ่มหุ้นขนาดใหญ่เริ่มลดลงและเข้ามาอยู่ในหุ้นกลุ่มขนาดกลางและเล็กเป็นส่วนใหญ่ ทำให้ไม่มีผลต่อการเคลื่อนไหวของดัชนีมากนัก ภาพทางเทคนิคจึงเปลี่ยนเป็นการแกว่งตัวในกรอบที่กำหนด

ส่วนปัจจัยต่างประเทศมีทั้งบวกและลบคละกัน โดยตลาดหุ้นสหรัฐปิดทำการเมื่อคืนนี้เนื่องในวันแรงงาน ขณะที่ยังต้องติดตามสถานการณ์เกาหลีเหนือ, สถานการณ์น้ำท่วมในสหรัฐ ตลอดจนความคืบหน้าแผนปฏิรูปโครงสร้างภาษี ของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ เป็นต้น ด้านปัจจัยในประเทศ ยังต้องจับตาการประมูลงานโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐ การจ่ายปันผลของ บจ. พร้อมให้แนวรับบริเวณ 1,610 และ 1,607 จุด ส่วนแนวต้านอยู่ที่ 1,626 และ 1,628 จุด

บล.ธนชาต ระบุในบทวิเคราะห์ (5 ก.ย.) การขยายตัวเศรษฐกิจกระจายตัวดีขึ้น ทั้งการส่งออก การลงทุน ท่องเที่ยว และการบริโภค จะทำให้ GDP ไทยเติบโตใกล้เคียง potential เฉลี่ย 4.3% ในช่วง 3 ปีข้างหน้า ขณะที่แนวโน้มดอกเบี้ยต่ำนาน, Valuation ที่ PE18 14.3 เท่า และการ Breakout แนวต้าน 1,590 จุดด้วยปริมาณการซื้อขายเพิ่มขึ้นในสัปดาห์ที่ผ่านมา ทำให้มองว่าภาวะตลาด “กระทิง” อาจมาเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ เป้าหมายระยะสัปดาห์ 1,650 จุด

การ “สร้างฐาน” อาจดำเนินต่อไป แต่เป็นโอกาส “ซื้อ” 1) “ซื้อ” DTAC (TP 70) การแข่งขันที่รุนแรงลดลง เป็น upside risk ต่อประมาณการกำไร ขณะที่ EV/EBITDA 2018 6.5 เท่า ต่ำกว่าเฉลี่ย 7.4 เท่า 2) “ซื้อ” WHA  (TP 4.0) ยอดขายที่ดินที่เร่งตัวใน 2H17, ภาระดอกเบี้ยจ่ายลดลง, การขายสินทรัพย์เข้ากองฯมูลค่า 4.8 พันล้านบาทใน 4Q17 และการพิจารณากฎหมาย EEC ลุ้นทะลุแนวต้าน 3.2 ไปที่แนวต้านถัดไป 3.28/3.40 บาท ขณะที่ยัง “ซื้อ” AMATA ต่อไป ราคาหุ้นยังต่ำ NAV มาก และ 3) “ซื้อ” STEC  ประมูลรถไฟรางคู่อีก 3 สัญญาสัปดาห์นี้ เป็น Catalyst บวก

บล.แอพเพิล เวลธ์ ระบุในบทวิเคราะห์ (5 ก.ย.) ยังประเมินแนวรับดัชนี SET ที่ 1,600 +/- จุด กรณียืนได้ทิศทางดัชนีหุ้นไทยยังแกว่งตัวอยู่ในกรอบแคบ โดยมีแนวต้าน 1,630 – 1,640 จุด แนะนำซื้อ Selective Buy กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง เช่น ITD, CK, STEC, UNIQ, SEAFCO และกลุ่มท่องเที่ยว อย่าง ERW, MINT

Back to top button